นอกจากนั้นบริเวณตำหนักของ พระนางมัสสุหรี ยังมีบ่อน้ำ ที่เชื่อกันว่า หากเอาน้ำที่บ่อนี้มาพรมรดศรีษะจะได้พบเนื้อคู่ เมื่อคนไข้นำไปดื่มกิน ก็จะหายจากโรคร้าย จึงลือกันว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ ส่วนบริเวณหลุมฝังศพของพระนาง นักท่องเที่ยวจะนิยมมาอฐิษฐานขอลูกกัน และของบนตามทำเนียมคือกล้วยน้ำว้า เนื่องจากครั้งที่พระนางถูกคุมขังรอการประหาร ทำให้ลูกชายของพระนางไม่ได้ดื่มนมจากพระนาง ดังนั้นพระนางจึงบอกพ่อกับแม่ของตนให้เอากล้วยน้ำหว้ามาบดป้อนลูกของตนแทนน้ำนม นั่นเอง
สำหรับเรื่องราวของ พระนางมัสสุหรี นั้นเดิมเป็นหญิงสาวชาวภูเก็ตที่อนุชาองค์สุลต่านแห่งลังกาวี ทรงเลือกเป็นคู่ครอง เนื่องจากพระนางเป็นหญิงสาวที่มีความเพียบพร้อม ทั้งงานบ้านงานเรือนและความสวยงาม ทั้งๆ ที่ทางราชวงศ์ได้คัดเลือกหญิงสาวชาวลังกาวีหลายคนให้พระอนุชาเลือก แต่ก็ไม่ถูกใจ กลับมาถูกใจสาวไทยชาวภูเก็ตคนนี้แทน ทำให้สร้างความอิจฉริษยาให้แก่คนในราชวงศ์ เกิดการใส่ร้ายป้ายสี พระนางมัสสุหรี จนทำให้เธอถูกประหาร
ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ พระนางมัสสุหรีได้อธิษฐานว่า "หากนางไม่มีความผิด ขอให้โลหิตที่หลั่งออกมาเป็นสีขาวเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง และขอให้เกาะลังกาวีไร้ความเจริญไป 7 ชั่วคน" แต่เมื่อเพชฌฆาตลงคมกริชประหารลงไปบนคอของนาง โลหิตสีขาวก็พวยพุ่งขึ้น และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เกาะลังกาวี ก็เงียบเหงา ผู้คนอยู่กันอย่างไม่มีความสุข เพราะมนตราแห่งการสาปแช่งของพระนางมัสสุหรี