คนไทยควรรู้! เหตุใดต้องเป็น วัดราชบพิธฯ-วัดบวรฯ สถานที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคาร ในหลวงร.๙
พระราชทานพระโกศพระบรมอัฐิแก่พระบรมวงศ์ แล้วทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลา อัญเชิญพระโกศ พระบรมอัฐิลงจากพระเมรุ มาศไปยังพระที่นั่งทรงธรรมเสด็จฯ ตามประทับที่หน้าอาสน์สงฆ์เจ้าพนักงาน ภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ ประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ พระบรมอัฐิแล้วทรงประเคนโตกสํารับ ภัตตาหาร ๓ หาบ แด่พระสงฆ์ ๙ รูป พระสงฆ์ ๓ หาบ รับพระราชทานฉัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เข้าริ้วไปยังพระบรมมหาราชวัง ยาตราขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระโกศ พระบรมอัฐิพระบรมราชสรีรางคาร ขบวนพระบรมราชสรีรางคารเกยเข้า วัดพระศรีรัตนศาสดารามทางประตูเกยหลังวัด อัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารพักไว้ที่ พระศรีรัตนเจดีย์ ขบวนพระบรมราชอิสริยยศ อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิเข้าประตูพิมานไชยศรี เทียนพระที่นั่งราเชนทรยานที่พระนั่งอาภรณ์ พิโมกข์ปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จ ขึ้นทรงรับที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ จากพระที่นั่งราเชนทรยานขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประดิษฐานที่บุษบกแว่นฟ้า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ตาม เมื่อประดิษฐานพระโกศพระบรมอัฐิ เรียบร้อยแล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราช สักการะพระบรมอัฐิ เสด็จพระราชดําเนินกลับ
โดยเมื่อเสร็จการประกอบพระราชพิธีต่างๆท้ายที่สุดแล้วจะอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร ประดิษฐาน ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดบวรนิเวศวิหารในวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๐