#ประเทศไทยมีการฆ่าตัวตายอยู่ที่อันดับ57ของโลก โดยอัตราการฆ่าตัวตายล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 6.35 ต่อประชากร 100,000 คน เฉลี่ยเดือนละ 340 คน หรือ #ทุกๆ2ชั่วโมงจะมีคนฆ่าตัวตายสำเร็จ1คน ซึ่งฟังดูแล้วเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงจนน่าตกใจสำหรับประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรประมาณ 70 ล้านคน
#จากจำนวนผู้ฆ่าตัวตายทั้งหมดค้นพบว่า เพศที่ฆ่าตัวตายมากที่สุดคือเพศชาย ร้อยละ 77 ส่วนเพศหญิงฆ่าตัวตายร้อยละ 23 อายุเฉลี่ยของผู้ที่ฆ่าตัวตายจะอยู่ระหว่าง 30 - 50 ปี โดยส่วนใหญ่ ผู้ฆ่าตัวตายมักประกอบอาชีพใช้แรงงานและเกษตรกร
#เกือบ 1 ใน 4 ของผู้ฆ่าตัวตายทั้งหมดเป็นคนที่เคยทำร้ายตัวเองมาก่อน การทำร้ายตัวเองคือหนึ่งในรูปแบบของการแสดงออกหาทางออกด้วยความเจ็บปวดและพัฒนาต่อไปเป็นการฆ่าตัวตาย โดยวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการแขวนคอตาย การกระโดดตึก การกินยาพิษ และการใช้อาวุธปืน
#สาเหตุของการฆ่าตัวตาย เป็นสิ่งที่มีความซับซ้อนและมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันไป โดย ปัญหาเศรษฐกิจยังคงเป็นปัญหาหลักที่ส่งผลต่อการมีชีวิต รองลงมาคือปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่น นอกจากนี้ยังมีเรื่องของโรคร้ายอย่างโรคซึมเศร้าที่คร่าชีวิตคนแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
คนที่อยู่รอบตัวผู้ที่ฆ่าตัวตายมักจะมองไม่เห็นสัญญาณเตือนการฆ่าตัวตายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับคนที่เรารัก กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสังเกตคนที่เรารักให้ดีที่สุด เพราะบางทีคนที่สร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอาจเป็นคนที่มีความทุกข์มากที่สุดก็เป็นได้ ถ้ารู้สึกสงสัยหรือไม่แน่ใจ เราสามารถโทรไปสอบถามได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต1323 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือถ้าคนที่เรารักไม่กล้าไปปรึกษาแพทย์ก็สามารถโทรไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ที่ 1323 เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่โลกกำลังพัฒนาด้านวัตถุมากขึ้น แต่ด้านจิตใจมนุษย์กลับอ่อนแอลง เราให้ความสนใจเทคโนโลยีมากขึ้น แต่เรากลับหันไปมองคนข้างๆ น้อยลง ถึงเวลาที่เราต้องตระหนักถึงปัญหาการฆ่าตัวตายที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยการให้ความรักและเอาใจใส่คนข้างๆ ให้ความใกล้ชิดและเป็นผู้ฟังที่ดีเมื่อรู้สึกว่าเขากำลังมีปัญหา คอยผ่อนคลายความตึงเครียดให้กัน อาจจะช่วยให้ปัญหาที่เขากำลังแบกไว้ เบาลงได้ และช่วยไม่ให้เกิดเหตุการณ์ฆ่าตัวตายขึ้นอีก