Crazy Rich Asians ภาพสะท้อนความเหลื่อมล้ำในเอเชีย
ภาพยนตร์ Crazy Rich Asians ซึ่งมีชื่อในภาษาไทยว่า "เหลี่ยมโบตัน" กำลังเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก เพราะ เป็นหนังฮอลลีวูดที่ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครเอกที่เป็นคนเอเชีย ซึ่งโกยรายได้สูงสุดในตารางหนังทำเงินบ็อกซ์ออฟฟิศเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะเดียวกันภาพยนตร์แนวโรแมนติก-คอมเมดีเรื่องนี้ ก็ยังสะท้อนภาพของเหล่า "มหาเศรษฐี" ที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องในเอเชีย รวมถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างคนรวยกับจนในภูมิภาคนี้
สิงคโปร์ ซึ่งเป็นสถานที่ดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้ ล้วนเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าที่คุณจะได้เห็นลูกค้าหิ้วถุงจากร้านยี่ห้อหรู ไม่ว่าจะเป็น Prada, Gucci และ Louis Vuitton ภาพเช่นนี้มีให้เห็นไม่ต่างกันตามเมืองใหญ่อื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งภูมิภาคนี้เคยถูกมองว่าเป็นต้นแบบของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียม ทว่าปัจจุบันเรากำลังเห็นช่องว่างแห่งความไม่เท่าเทียมกันระหว่างคนจนและคนรวยเพิ่มมากขึ้นทุกที
ข้อมูลจากองค์กรการกุศลอ็อกแฟมพบว่า ปัจจุบันจำนวนมหาเศรษฐีระดับ "รวยล้นฟ้า" ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกได้แซงหน้าทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปไปแล้ว ขณะเดียวกันภูมิภาคนี้ยังมีจำนวนเศรษฐีเงินล้าน (ดอลลาร์สหรัฐฯ) และมหาเศรษฐีพันล้าน (ดอลลาร์สหรัฐฯ) มากที่สุดในโลกด้วย
"ความเหลื่อมล้ำทางรายได้กำลังแตะระดับน่าเป็นห่วงในหลายประเทศในภูมิภาค" นายมุสตาฟา ทัลปูร์ หัวหน้าโครงการด้านความไม่เท่าเทียมทางรายได้ประจำเอเชียของอ็อกแฟมกล่าว
สิงคโปร์ ซึ่งเป็นสถานที่ดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้ ล้วนเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าที่คุณจะได้เห็นลูกค้าหิ้วถุงจากร้านยี่ห้อหรู ไม่ว่าจะเป็น Prada, Gucci และ Louis Vuitton ภาพเช่นนี้มีให้เห็นไม่ต่างกันตามเมืองใหญ่อื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งภูมิภาคนี้เคยถูกมองว่าเป็นต้นแบบของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียม ทว่าปัจจุบันเรากำลังเห็นช่องว่างแห่งความไม่เท่าเทียมกันระหว่างคนจนและคนรวยเพิ่มมากขึ้นทุกที
ข้อมูลจากองค์กรการกุศลอ็อกแฟมพบว่า ปัจจุบันจำนวนมหาเศรษฐีระดับ "รวยล้นฟ้า" ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกได้แซงหน้าทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปไปแล้ว ขณะเดียวกันภูมิภาคนี้ยังมีจำนวนเศรษฐีเงินล้าน (ดอลลาร์สหรัฐฯ) และมหาเศรษฐีพันล้าน (ดอลลาร์สหรัฐฯ) มากที่สุดในโลกด้วย
"ความเหลื่อมล้ำทางรายได้กำลังแตะระดับน่าเป็นห่วงในหลายประเทศในภูมิภาค" นายมุสตาฟา ทัลปูร์ หัวหน้าโครงการด้านความไม่เท่าเทียมทางรายได้ประจำเอเชียของอ็อกแฟมกล่าว
ข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บส ระบุว่า สหรัฐฯ ยังเป็นประเทศที่มีจำนวนเศรษฐีพันล้านมากที่สุดในโลก คือ 585 คน แต่จีนแผ่นดินใหญ่ก็กำลังตามมาติด ๆ ที่ 373 คน
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความมั่งคั่งโลกของธนาคารเครดิตสวิสในปี 2017 (Credit Suisse Global Wealth Databook) ระบุว่าหากดูที่ภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกทั้งภูมิภาคก็จะเห็นได้ว่าจำนวนเศรษฐีพันล้านรวมกันมากกว่าสหรัฐฯ คือ 600 คน
รายงานในปี 2018 ของบริษัทที่ปรึกษา Capgemini ระบุว่า ภูมิภาคนี้ยังมีจำนวนเศรษฐีเงินล้านมากที่สุดในโลก ซึ่งในที่นี้หมายถึงผู้มีสินทรัพย์เพื่อการลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป ไม่นับรวมที่พักอาศัยหลัก โดยมีสัดส่วน 34.1% ของจำนวนผู้มีรายได้สูงทั่วโลก ขณะที่ภูมิภาคอเมริกาเหนือมีคนกลุ่มนี้อยู่ 31.3%
ในขณะที่จีนเพลิดเพลินกับตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ปีละประมาณ 8% - 11% ระหว่างปี 2008-2012 แต่สหรัฐฯ และประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร (ยูโรโซน) กลับกำลังเยียวยาตัวเองหลังจากเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความมั่งคั่งโลกของธนาคารเครดิตสวิสในปี 2017 (Credit Suisse Global Wealth Databook) ระบุว่าหากดูที่ภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกทั้งภูมิภาคก็จะเห็นได้ว่าจำนวนเศรษฐีพันล้านรวมกันมากกว่าสหรัฐฯ คือ 600 คน
รายงานในปี 2018 ของบริษัทที่ปรึกษา Capgemini ระบุว่า ภูมิภาคนี้ยังมีจำนวนเศรษฐีเงินล้านมากที่สุดในโลก ซึ่งในที่นี้หมายถึงผู้มีสินทรัพย์เพื่อการลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป ไม่นับรวมที่พักอาศัยหลัก โดยมีสัดส่วน 34.1% ของจำนวนผู้มีรายได้สูงทั่วโลก ขณะที่ภูมิภาคอเมริกาเหนือมีคนกลุ่มนี้อยู่ 31.3%
ในขณะที่จีนเพลิดเพลินกับตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ปีละประมาณ 8% - 11% ระหว่างปี 2008-2012 แต่สหรัฐฯ และประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร (ยูโรโซน) กลับกำลังเยียวยาตัวเองหลังจากเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ใครคือคนรวยที่สุดในเอเชีย?
นายหม่า ฮั่วเถิง หรือที่รู้จักกันในนาม โพนี หม่า คือบุคคลร่ำรวยที่สุดในเอเชีย และเป็นคนรวยอันดับที่ 17 ของโลก ตามการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บสในปี 2018
เขาคือซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน "เทนเซ็นต์ โฮลดิงส์" ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันสนทนายอดนิยมในจีน "วีแชต" (WeChat) และมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 4.53 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นายหม่า ฮั่วเถิง หรือที่รู้จักกันในนาม โพนี หม่า คือบุคคลร่ำรวยที่สุดในเอเชีย และเป็นคนรวยอันดับที่ 17 ของโลก ตามการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บสในปี 2018
เขาคือซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน "เทนเซ็นต์ โฮลดิงส์" ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันสนทนายอดนิยมในจีน "วีแชต" (WeChat) และมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 4.53 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
----
มหาเศรษฐีอีกคนที่มีชื่อติดโผ 20 บุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกคือ นายแจ็ค หม่า เจ้าของอาณาจักรธุรกิจอีคอมเมิร์ซ "อาลีบาบา กรุ๊ป" ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก และหุ้นของบริษัทก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้เขามีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนคนเอเชียที่มีชื่อติดโผ 30 บุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกรวมถึง นายลี กาชิง มหาเศรษฐีชาวฮ่องกง และนายหวัง เจี้ยนหลิน ซึ่งมีทรัพย์สิน 3.49 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ
นายลี กาชิง ที่เพิ่งจะเกษียณอายุจากการเป็นผู้บริหารอาณาจักรธุรกิจด้านโทรคมนาคมและพลังงานของตัวเองเมื่อช่วงต้นปีนี้ ได้ส่งมอบธุรกิจให้นายวิคเตอร์ ลี บุตรชายคนโตรับช่วงต่อ ขณะที่นายหวัง เจี้ยนหลิน เป็นประธานกลุ่มบริษัท "ต้าเหลียนวั่นต๋า"ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โพนี หม่า คือบุคคลร่ำรวยที่สุดในเอเชีย และเป็นคนรวยอันดับที่ 17 ของโลก
มหาเศรษฐีอีกคนที่มีชื่อติดโผ 20 บุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกคือ นายแจ็ค หม่า เจ้าของอาณาจักรธุรกิจอีคอมเมิร์ซ "อาลีบาบา กรุ๊ป" ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก และหุ้นของบริษัทก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้เขามีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนคนเอเชียที่มีชื่อติดโผ 30 บุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกรวมถึง นายลี กาชิง มหาเศรษฐีชาวฮ่องกง และนายหวัง เจี้ยนหลิน ซึ่งมีทรัพย์สิน 3.49 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ
นายลี กาชิง ที่เพิ่งจะเกษียณอายุจากการเป็นผู้บริหารอาณาจักรธุรกิจด้านโทรคมนาคมและพลังงานของตัวเองเมื่อช่วงต้นปีนี้ ได้ส่งมอบธุรกิจให้นายวิคเตอร์ ลี บุตรชายคนโตรับช่วงต่อ ขณะที่นายหวัง เจี้ยนหลิน เป็นประธานกลุ่มบริษัท "ต้าเหลียนวั่นต๋า"ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้รุนแรงกว่าจีนและอินเดีย
ผลการวิเคราะห์ของอ็อกแฟมบ่งชี้ว่า 79% ของความมั่งคั่งที่สร้างขึ้นในจีนเมื่อปีที่แล้วเป็นของกลุ่มคนร่ำรวยที่สุดซึ่งมีสัดส่วน 1% ของประชากรทั้งประเทศ ส่วน 73% ของความมั่งคั่งในอินเดียเป็นของกลุ่มคนร่ำรวยที่สุดซึ่งมีสัดส่วนเพียง 1% ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่ความมั่งคั่ง 96% ที่สร้างขึ้นในไทยเมื่อปีที่แล้วตกไปอยู่ในกระเป๋าของกลุ่มคนร่ำรวยที่สุด 1% ในประเทศ
Cr:::bbc.com/thai
ผลการวิเคราะห์ของอ็อกแฟมบ่งชี้ว่า 79% ของความมั่งคั่งที่สร้างขึ้นในจีนเมื่อปีที่แล้วเป็นของกลุ่มคนร่ำรวยที่สุดซึ่งมีสัดส่วน 1% ของประชากรทั้งประเทศ ส่วน 73% ของความมั่งคั่งในอินเดียเป็นของกลุ่มคนร่ำรวยที่สุดซึ่งมีสัดส่วนเพียง 1% ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่ความมั่งคั่ง 96% ที่สร้างขึ้นในไทยเมื่อปีที่แล้วตกไปอยู่ในกระเป๋าของกลุ่มคนร่ำรวยที่สุด 1% ในประเทศ
Cr:::bbc.com/thai
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น