คำเตือนจากแอมบาสซาเดอร์ร้านคอฟฟี่ดัง “โลกร้อน อาจทำให้เราไม่มีกาแฟดื่ม”
หน้าแรกTeeNee อาหารสมอง อาหารสมอง คำเตือนจากแอมบาสซาเดอร์ร้านคอฟฟี่ดัง “โลกร้อน อาจทำให้เราไม่มีกาแฟดื่ม”
กาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของคนทั่วโลก กาแฟที่อร่อยที่สุดเป็นของแบรนด์ไหน คงไม่อาจฟันธง เพราะความอร่อย เป็นความชอบ เป็นความคุ้นเคย คุ้นชินในรสชาติ และเป็นรสนิยมส่วนตัวของแต่ละคน แต่ถ้าถามว่าแบรนด์กาแฟที่ดังที่สุด ก็คงไม่มีชื่ออื่น นอกจากแบรนด์เงือกเขียว สตาร์บัคส์ (Starbucks) ที่มีสาขาและมีแฟนคลับอยู่ทั่วโลก
ด้วยความเป็นแบรนด์ใหญ่ มีสาขาทั่วโลก สตาร์บัคส์จึงมีคนทำงานแอมบาสซาเดอร์ หรือทูต ที่ทำหน้าที่เดินทางไปบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟให้แก่พาร์ตเนอร์ พนักงาน ลูกค้า และสื่อมวลชนทั่วโลกฟัง รวมถึงเมืองไทย ซึ่งทำให้ “ดีไลฟ์-ประชาชาติธุรกิจ” เรามีโอกาสได้คุยกับทูตกาแฟของสตาร์บัคส์ ชื่อ ดี. เมเจอร์ โคเฮน ที่เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา
ดี. เมเจอร์ โคเฮน คอฟฟี่แอมบาสซาเดอร์ สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ ทำงานกับสตาร์บัคส์มา 23 ปี เริ่มจากตำแหน่งบาริสต้า เป็นหัวหน้ากะ ผู้จัดการร้าน ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ และผู้จัดการเขต ตามลำดับ
เขาทำงานเป็นครูสอนถ่ายภาพและสอนทำภาพยนตร์อยู่ 20 ปี ก่อนจะมาเริ่มต้นทำงานกับสตาร์บัคส์ เริ่มจากการเป็นลูกค้าประจำ แล้วได้รับคำเชิญชวนให้ทำงานบาริสต้า เส้นทางของเขากับกาแฟสตาร์บัคส์จึงเริ่มขึ้นเมื่อปี 1995 ซึ่งตอนที่เขาเริ่มต้นนั้น เขาเป็นบาริสต้าที่อายุมากที่สุด เพราะคนอื่น ๆ อายุ 22-23 ปี ขณะที่เขาเริ่มตอนอายุ 45 ปีแล้ว
ถึงแม้จะเริ่มช้า แต่เขาก็มีความสุขกับการทำงานในธุรกิจกาแฟมาตลอด เขาบอกว่า โมเมนต์ที่เขามีความสุขที่สุด คือการได้ทำงานหลังเคาน์เตอร์ เสิร์ฟเครื่องดื่มแสนอร่อยให้ลูกค้า
25 ปีหลังจากเริ่มต้นในธุรกิจกาแฟ เขาก็ได้ทำหน้าที่ใหม่ คือการเดินทางไปเที่ยวทั่วโลก ได้ส่งกาแฟให้คนอื่น ๆ และได้ไป inspired ให้กับร้านกาแฟ อีกทั้งตอนนี้เขาได้รับการรับรองให้เป็นเทรนเนอร์ของการเป็นบาริสต้า สามารถเปิดคลาสสอนบาริสต้าได้เลย
ก่อนจะคุยถึงเรื่องกาแฟ เราคุยกับเมเจอร์ โคเฮน เกี่ยวกับเรื่องราวความผูกพันของเขากับกาแฟ เขาเล่าว่า เขาชอบกลิ่นหอมของกาแฟมาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณแม่เขาเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟมาก ปกติแม่ของเขาจะใช้เครื่องชงที่ตั้งบนเตาแก๊ส เวลาเดือดมันก็มีเสียงดังผุด ๆ ขึ้นมา แต่ถ้าวันไหนมีแขกพิเศษคุณแม่ก็จะงัดเอาเครื่องชงแบบต่าง ๆ ขึ้นมาใช้ เพื่อทำกาแฟเสิร์ฟให้แขก
ด้วยประสบการณ์ที่คลุกคลีกับกาแฟ และได้เดินทางไปดูไปร่วมงานกับอุตสาหกรรมกาแฟทั่วโลก รวมถึงได้เจอผู้บริโภคในแต่ละที่ เราให้เขาเล่าเรื่องวัฒนธรรมการดื่มกาแฟทั่วโลกที่เขาพบเจอว่ามีความเหมือนและความแตกต่างกันอย่างไร โคเฮนบอกว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีกาแฟที่อร่อยคุณภาพดี ๆ ขายเต็มไปหมด ถ้าเทียบกับยุคปี 1997 ช่วงที่เขาเข้าทำงานในธุรกิจกาแฟใหม่ ๆ ตอนนี้เรามาไกลมาก ทั้งเรื่องเมล็ดกาแฟ วิธีการชง อุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ทำให้กาแฟรสชาติดีขึ้น
“การนั่งดื่มกาแฟในบรรยากาศในร้านแบบนี้ (ร้านใหญ่ ๆ ที่ตกแต่งสวยงาม) มันก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก มันเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่ผู้คนดื่มกันทั่วโลก ซึ่งในแง่คนทำธุรกิจร้านกาแฟต้องดูว่าลูกค้าต้องการอะไร ลูกค้าบางคนอาจจะแค่มาซื้อกาแฟ พอได้กาแฟแล้วก็กลับ บางคนก็อยากจะอยู่กับครอบครัว กับแก๊งเพื่อน อาจจะไม่อยากให้พนักงานร้านเข้าไปยุ่งด้วย หรือว่าบางคนอาจจะชอบนั่งแล้วพูดคุยกับบาริสต้า”
ได้เจอผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟทั้งทีก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า กาแฟที่ดีสำหรับเขาเป็นยังไง ซึ่งคำตอบที่ได้เป็นคำตอบที่จำเพาะเจาะจงเกินกว่าที่คาด โคเฮนบอกว่า เขาชอบกาแฟกัวเตมาลาที่สุด เพราะเป็นกาแฟที่มีความเข้มข้น เวลาดื่มเข้าไปแล้วรู้สึกดี มันมีกลิ่นอายของความเป็นช็อกโกแลต แต่ปีนี้เขามีอีกตัวที่ชื่นชอบเพิ่มมาก็คือ กาแฟจากเอลซัลวาดอร์ ซึ่งทั้งกาแฟกัวเตมาลาและเอลซัลวาดอร์มีความคล้ายกัน คือเป็นกาแฟที่มีกลิ่นอายความเป็นช็อกโกแลต
จากเมล็ดกาแฟที่ดีมาที่คำถามว่า องค์ประกอบที่จะออกมาเป็นกาแฟ 1 แก้วที่อร่อย ในมุมมองของเขาให้น้ำหนักไปที่เมล็ดกาแฟ หรือขั้นตอนกระบวนการชง หรือความสามารถของบาริสต้ามากกว่ากัน
คอฟฟี่แอมบาสซาเดอร์สตาร์บัคส์ตอบว่า สิ่งที่บาริสต้าต้องรู้ว่าจะทำยังไงให้กาแฟอร่อยนั้นง่ายมาก คือต้องรู้สัดส่วนของสูตร ต้องเข้าใจเทคโนโลยีเครื่องไม้เครื่องมือ วิธีการในการชง สำหรับตัวเขามองที่เรื่องกรรมวิธีการชงเป็นหลัก เขาบอกว่าองค์ประกอบพื้นฐานของกาแฟแก้วอร่อยคือ เมล็ดกาแฟที่ดี การบดเมล็ดกาแฟ ความสดใหม่ของกาแฟ ไม่ใช่ว่าเอากาแฟที่หมดอายุแล้วหรือว่าเปิดไว้นานมาใช้ และสุดท้ายคือน้ำ ต้องเป็นน้ำที่ดีมีคุณภาพ ส่วนสัดส่วนที่เขาใช้ในการชงกาแฟคือ กาแฟ 1 ส่วน น้ำ 16 ส่วน
ถามว่าเล่าเรื่องกาแฟมาหลายปี เรื่องไหนสำคัญที่สุด ที่พยายามพูดพยายามแชร์มากที่สุด คำตอบคือ “อนาคตของกาแฟ”
เขาบอกว่า อนาคตของกาแฟอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง เพราะว่าสภาพอากาศแปรปรวน โลกร้อน กระทบต่อการปลูกกาแฟ ปัจจุบันชาวไร่กาแฟก็กำลังเผชิญความเสี่ยงมาก ๆ
“เราพยายามพูดเรื่องนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่สตาร์บัคส์ แต่ทั้งหมดอุตสาหกรรมนี้ควรตระหนัก ทุกคนควรตระหนัก ถ้าเราไม่ร่วมกันใส่ใจตั้งแต่วันนี้ ในอนาคตเราอาจจะไม่มีกาแฟดี ๆ ดื่ม เหมือนที่เราได้เอ็นจอยกับกาแฟดี ๆ ในทุกวันนี้” ทูตกาแฟของสตาร์บัคส์กล่าว
ที่มา prachachat.net
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น