กินมันหมู ดีจริง! แต่ต้องไม่มากเกินไป
มีการแชร์ข้อความจากเพจขาย "มันหมู" เพจนึง โดยอ้างบทความของสำนักข่าว BBC ที่เอาผลการวิจัยในวารสาร The Plos One ซึ่งทำการจัดอันดับ "100 The worlds Most Nutritious Foods" หรือ 100 อาหารที่มีคุณค่าทางอาหารดีที่สุดซึ่ง 10 อันดับแรก คือ 1. อัลมอนด์ 2. น้อยหน่า 3. ปลาเพิร์ช 4. ปลาซีกเดียว 5. เมล็ดเจีย 6. เมล็ดฟักทอง 7. ผักสวิสชาร์ด 8. มันหมู 9. บีทกรีน 10. ปลากะพงแดง
คนก็แปลกใจกันใหญ่ซิ ว่า "มันหมู" นี่ มันทรงคุณค่าทางอาหารจริงๆ เหรอ เพราะตามผลวิจัยระบุว่า มันหมูมีวิตามินบีและแร่ธาตุหลายชนิด รวมทั้งมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวอยู่หลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพ และผิวพรรณ
แต่จริงๆ แล้ว องค์ประกอบของมันหมูนั้น มีองค์ประกอบไขมัน ที่เป็นไขมันอิ่มตัวอยู่ทั้งหมด ถึง 3843% (เป็น Palmitic acid: 2528% Stearic acid: 1214% และ Myristic acid: 1%) และเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวอยู่ 5662% (เป็น Monounsaturated 4750% คือ Oleic acid: 4447% Palmitoleic acid: 3% และ เป็นPolyunsaturated คือ Linoleic acid: 610% )
ส่วนพลังงานต่อ 100 ก. นั้น มันหมูให้พลังงานสูงถึง 900 kcal แล้วอย่างนี้ กินมันหมูมากๆ มันไม่เสียสุขภาพจากการกินไขมันเยอะๆ เหรอ ?
เรื่องนี้ #หมอแมว ได้เคยอธิบายเอาไว้ในเพจ #ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว ว่า การจัดอันดับนี้ มาจากงานวิจัยจริง เมื่อปี ค.ศ. 2015
โดยงานวิจัยนั้นจริงๆ แล้ว เค้าอยากรู้ว่า "อาหารอะไรบ้าง ที่มีค่า Nutritional Fitness สูง สามารถกินแล้วได้สารอาหารวิตามินแร่ธาตุครบถ้วน" แล้วจัดเรียงลำดับตามแร่ธาตุที่พบในอาหารชนิดนั้นๆ ซึ่งก็ได้ผลตาม 100 อันดับที่ว่า
นั่นคือ มันหมู มีสารอาหารมากมายหลายหลายจริง แต่ไม่ใช่ว่าจะกินได้โดยไม่ต้องระมัดระวังอะไร โดยเฉพาะเรื่องแคลอรี่ ที่ถ้ากินมันหมูมากเกินไป ก็ได้รับทั้งแคลอรี่ และกรดไขมันอิ่มตัว มากเกินกว่าความเหมาะสม ทำให้เป็นโรคอ้วนตามมาได้
เรื่องนี้ #หมอแมว สรุปไว้ว่า "ตามการแพทย์ปัจจุบัน เราควรก็ยึดหลักกินอาหารแต่พอดี อะไรที่คุณค่าทางอาหารสูง แต่กินมากไปก็อันตรายได้ อย่าให้แคลอรี่รวมในอาหารทั้งหมดเกินความต้องการของร่างกาย" ครับ