กิน ยาเพร็พ ไม่ใช้ถุงยาง เสี่ยงติดโรคทางเพศสัมพันธ์ พบเด็กติดเชื้อพุ่ง 3 เท่า
ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ กล่าวต่อว่า เช่นเดียวกับกรณีวัยรุ่นหญิงที่เลือกกินยาคุมกำเนิด แต่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ทำให้เกิดปัญหากลัวท้องมากกว่าติดโรค ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาที่น่าจับตาในปี 2563 เช่นกัน เพราะส่วนหนึ่งอาจมองว่าเป็นโรคแล้วไปรักษาก็หาย
โดยสถานการณ์กินยาคุม แต่ไม่ใช้ถุงยางอนามัยถือว่าสูงมาก ซึ่งกรมควบคุมโรคมีข้อมูลว่า วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกใช้ถุงยางอนามัยสูงมาก แต่มื่อคุ้นเคยและรู้จักกันแล้ว การใช้ถุงยางอนามัยกลับต่ำ เพราะเชื่อใจ ไว้ใจกัน หรือจะเห็นได้จากสถิติว่า อัตราการคลอดแม่วัยรุ่นลดลง เพราะมีการป้องกัน แต่อัตราการติดโรคทางเพศสัมพันธ์กลับเพิ่มมากขึ้น จาก 41.6 ต่อแสนประชากรในปี 2550 เป็น 169.2 ต่อแสนประชากรในปี 2561 หรือเพิ่มมากว่า 3 เท่า โดย 5 โรคที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงอายุ 15-24 ปี คือ ซิฟิลิส, หนองใน, หนองในเทียม, แผลริมอ่อน และฝีมะม่วง
เมื่อถามถึงปัญหาแนวคิดการส่งเสริมถุยางอนามัยเป็นการชี้โพรงให้กระรอก นายชาติวุฒิ กล่าวว่า วิธีคิดเรื่องชี้โพรงให้กระรอก คิดว่าผิด ปัจจุบันต้องยอมรับว่าการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นมีอยู่จริง แนวคิดการดูแลลูกหลานต้องเปลี่ยนแปลงไป เพราะสมัยนี้เด็กเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา ต่อให้จำกัดที่บ้านก็เข้าถึงที่อื่น ทำอย่างไรถึงติดอาวุธให้เขาเท่าทัน
เช่น หากเลือกจะมีเพศสัมพันธ์ สิ่งที่จะต้องเตรียมคืออะไร ประเมินได้ว่าผลลัพธ์ที่เกิดคืออะไร ถ้าจะยังไม่มีเพศสัมพันธ์ สิ่งที่ได้มาคืออะไร พ่อแม่ต้องเริ่มวิธีคิดเหล่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ดูแลลูกได้อย่างทันสมัย เท่าทัน เพราะเจนเนอเรชันเปลี่ยน สภาวะแวดล้อมเปลี่ยน วิธีคิดของคนเปลี่ยน จะทำอย่างไรให้จัดการความเสี่ยงได้อย่างเท่าทันและรอบด้าน
เมื่อถามถึงปัญหาวัยรุ่นไม่เลือกใช้ถุงยางอนามัย เพราะราคาแพง จะเอาไปตั้งในโรงเรียนก็ถูกคัดค้าน ไม่กล้าไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อ ฯลฯ นายชาติวุฒิ กล่าวว่า เราไม่ควรละทิ้งการเข้าถึงถุงยางอนามัยในช่องทางต่างๆ ที่เด็กหาได้ ทุกวันนี้ถุงยางไม่ได้หายาก แต่ต้องก้าวข้ามความอาย เพราะไปขอกับเจ้าหน้าที่ในคลินิก รพ. สถานีอนามัย ซึ่งมีถุงยางจริง มีแจกจริง ก็ต้องหาวิธีทำอย่างไรให้ก้าวไปถึงการมีจริงมีแจกเอามาใช้ได้ วัยรุ่นส่วนหนึ่งก็อาย เป็นเรื่องที่เข้าใจ ก็ต้องรับมือความอายของตัวเอง เพราะเจ้าหน้าที่เขาไม่สนใจ ยิ่งมาขอเด็กเอามาใช้ การติดโรคก็ลดลง งานเขาก็ลดลง คิดว่าเขาเต็มใจที่จะให้ และยินดีจะให้ เยาวชนต้องเรียนรู้ไปหาเขา ซึ่งถุงยางอนามัยฟรี คุณภาพก็ไม่แตกต่างจากร้านสะดวกซื้อเลย