ทำความรู้จัก โรคอันตรายคร่าชีวิต ‘นาธาน โอมาน’ ที่ส่งต่อกรรมพันธุ์
ทีมข่าวช่อง 3 ออนไลน์จะพารู้จัก ‘โรคโลหิตจาง' โดยสอบถาม นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ถึงสาเหตุ อาการ ปัจจัยเสี่ยง รวมไปถึงวิธีการป้องกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
สาเหตุการเกิดโรค
สาเหตุหลัก
นายแพทย์สมศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า "โรคโลหิตจางส่วนใหญ่เกิดจากการป่วยเป็นโรคธาลัสซิเมีย โดยจะส่งผลให้เป็นโรคโลหิตจางโดยปริยาย ที่สำคัญโรคนี้สามารถถ่ายทอดได้ผ่านกรรมพันธุ์ ซึ่งคนไทยป่วยเป็นโรคธาลัสซิเมียร์ค่อนข้างมาก เพราะว่าคนแถบเอเชียมีโครโมโซมที่สามารถเป็นพาหะนำโรคธาลัสซิเมียร์ได้"
- ผู้ป่วยโรคกระเพาะที่มีแผลในกระเพาะ โดยจะทำให้เกิดการเสียเลือดจากแผลในกระเพาะทีละน้อย จนทำให้เป็นโรคโลหิตจาง
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่างๆ อาทิ มะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งในกลุ่มทางเดินอาหาร
- ผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็ง
- ผู้หญิงที่มีประจำเดือนมากผิดปกติ
- ผู้ป่วยไตวาย
- ผู้ป่วยโรคตับ
- ผู้ป่วยริดสีดวงเรื้อรัง
- อ่อนเพลียง่ายผิดปกติ
- ใจสั่น
- หัวใจเต้นเร็ว
- วิงเวียน
- หน้ามืด, เป็นลม
- ติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ
- หัวใจโต ซึ่งเป็นสาเหตุของการหัวใจวาย
- โลหิตจาง สู่การติดเชื้อในกระแสเลือด
- เมื่อโลหิตจางก็จะทำให้มีเม็ดเลือดขาวน้อย โดยหากใครมีโรคประจำตัว อาทิ เบาหวาน, ความดัน, โรคหัวใจ, โรคไต อื่นๆ เมื่อประกอบกับโรคโลหิตจาง ก็จะทำให้มีโอกาสติดเชื้อในกระแสเลือดมากยิ่งขึ้น
- เจาะเลือด (สามารถตรวจทราบได้ทันที)
กลุ่มเสี่ยง
- ผู้ที่มีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคธาลัสซิเมียร์
การรักษา
นายแพทย์สมศักดิ์ ชี้แจงว่า "ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีเพียงการรักษาตามอาการเท่านั้น อาทิ หากโลหิตจางก็ต้องให้เลือด"
การป้องกัน
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ทานอาหารในกลุ่มของธาตุเหล็ก (ตับ, เลือด, เนื้อสัตว์, อื่นๆ)
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยายชุด, ยาแก้ปวดเมื่อย, ยาหม้อ หรือยาลูกกลอนต่างๆ
- ไม่ทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (ชา, กาแฟ, อื่นๆ)
- ไม่ดื่มเหล้า และไม่สูบบุหรี่
- ออกกำลังกาย- ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง แต่ไม่อยากให้ลูกติด ทำได้หรือไม่
"สามารถทำได้ โดยการปรึกษาแพทย์ ที่เรียกว่า การให้คำปรึกษาคู่สมรส" นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าว