เปิดลิสต์5แมงมุมพิษในไทย ถูกกัดระวังไว้อาจถึงตาย!
จากรณีที่ นางจันทร์ทิพย์ วงดาว อายุ 51 ปี ชาว กระบี่ ถูกสัตว์มีพิษไม่ทราบชนิดกัดที่ข้อมือซ้าย เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดข้อมือบวมแดงและเกิดอาการช็อก เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.กระบี่ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา ทำให้หลายคนค่อนข้างตื่นตระหนกและหวาดกลัว ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าอาจจะป็นฝีมือของ "แมงมุมพิษ" นั้น
โดยในเรื่องนี้ นายประสิทธิ์ วงษ์พรม ผอ.ศูนย์ธรรมชาติศึกษาไทย ได้เคยให้ความรู้เกี่ยวกับแมงมุมพิษ พร้อมทั้งวิธีสังเกตผ่าน "เดลินิวส์ออนไลน์" ไว้ว่า จากรายงานเรื่องแมงมุมในประเทศไทยพบแมงมุมมีพิษที่ประชาชนควรรู้ อยู่ 5 ชนิด คือ แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล ,แมงมุมแม่ม่ายหลังแดง ,แมงมุมพิษสีน้ำตาล ,แมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน และ แมงมุมแม่ม่ายสีดำ โดยลักษณะที่เด่นชัดของแมงมุมมีพิษให้สังเกตตรงบริเวณท้องจะป่องขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งแตกต่างจากแมงมุมที่เราเจอตามบ้านทั่วไป
ทั้งนี้ ลักษณะของแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล สังเกตง่ายๆ จะมีลายตรงหน้าท้องเป็นรูปนาฬิกาทรายสีแสด หรือสีแดง และหากสังเกตหน้าท้องด้านบนจะมีสีน้ำตาลเป็นลักษณะครึ่งวงกลม ซึ่งบริเวณท้องจะมีสัดส่วนใหญ่กว่าส่วนหัวชัดเจนมาก โดยจะมีลายนูนบนท้องเป็นริ้วสีน้ำตาลสลับสีขาวอ่อนๆ ตรงริ้วเป็นจุดสามจุดเรียงกันสองแถว และจะมีถุงไข่เกาะรวมกันเป็นกลุ่ม มีลักษณะสีขาว คล้ายสำลีจุ่มน้ำ มีขนาด 1.5 เซนติเมตร และแมงมุม 1 ตัว สามารถวางไข่ได้มากถึง 20 ถุง ถุงละ 200-400 ฟอง
โดยแมงมุมชนิดนี้จะชอบชักใยทำรังอยู่ตามบริเวณที่รก เช่น ใต้ถุนบ้าน โรงรถ ห้องน้ำเก่า โรงไม้เก่า ลังไม้ รองเท้าเก่าๆ ใต้กะละมังเก่าๆ หรือแม้กระทั่งเก้าอี้เก่าที่วางไว้นานๆ และต้องให้ความรู้อีกว่า ปัจจุบันแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล มีโอกาสที่คนจะพบเจอได้มากที่สุด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ พบเจอได้ทุกเขตพื้นที่ ซึ่งเขตที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งก็คือ เขตจตุจักร และสามารถพบได้ทุกช่วง แต่ช่วงที่แมงมุมกระจายตัวมากที่สุดคือช่วงหน้าหนาว เพราะจะอาศัยแรงลมในการเปลี่ยนที่อยู่ใหม่
สำหรับลักษณะอาการที่เกิดขึ้น หลังจากโดนแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลกัดแล้ว ภายใน 15-30 นาทีแรก จะต้องมีอาการปวดร้อนและรู้สึกชาหรือตึงที่บริเวณแผล โดยลักษณะของแผลจะแดงเป็นจ้ำๆ ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะพิษของแมงมุมชนิดนี้จะเข้าไปทำลายระบบประสาท ทำให้เกิดอาการชาขึ้นมา
โดยลักษณะอาการที่เกิดขึ้น ภายหลังจากโดนกัด จะมีอาการร้อนและชาที่แผล ซึ่งบริเวณแผลจะมีลักษณะแดงเป็นจ้ำๆ เล็กน้อย แต่ไม่มีแผลเหวอะวะ ซึ่งจากเคสที่เคยถูกแมงมุมแม่ม่ายหลังแดงกัด เมื่อเข้ารับการรักษาจะอยู่โรงพยาบาลไม่เกิน 2-3 วัน ก็สามารถกลับบ้านได้ โดยแพทย์จะรักษาตามอาการและระมัดระวังไม่ให้แผลติดเชื้อ
อย่างไรก็ตาม แมงมุมเป็นสัตว์ตัวเล็ก เพราะฉะนั้นปริมาณน้ำพิษแมงมุม เมื่อกัดและปล่อยเข้าไปสู่คนจะมีปริมาณน้อยมาก ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับรายงานหรือวินิจฉัยอย่างจริงจังว่า พิษแมงมุมเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตโดยตรง เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีกรณีของการเสียชีวิตจากพิษแมงมุมโดยตรง ดังนั้น ยืนยันว่า พิษแมงมุมในประเทศไทย ไม่รุนแรงและไม่เป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตแน่นอน แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดการเสียชีวิต ภายหลังจากที่โดนแมงมุมพิษกัดได้ก็คือ ภาวะแทรกซ้อนและการติดเชื้อจากแผล เนื่องจากความสกปรกของสัตว์ที่เข้าไปในผิวหนัง และเรื่องของอาการแพ้พิษในบางราย เช่น ผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง มีไข้ หรือบางคนแพ้มากถึงขั้นหายใจไม่ออก
สิ่งสำคัญที่ประชาชนสามารถกำจัดแมงมุมพิษเหล่านี้ได้ ด้วยการดูแลรักษาทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งหากพบแมงมุมชนิดมีพิษอยู่ในบริเวณใด ยิ่งต้องหมั่นทำความสะอาดให้ถี่ขึ้น วันละ 3 ครั้งได้ยิ่งดี เพราะเมื่อแมงมุมพิษเหล่านี้ มาอาศัยอยู่จะต้องวางไข่ โดยเฉลี่ยแมงมุม 1 ตัว สามารถออกไข่ได้ 20 ถุง ถุงละประมาณ 200-400 ฟอง ดังนั้น ควรกวาดบ้านบ่อยๆ เพื่อเป็นการรบกวนแหล่งที่อยู่ แมงมุมเหล่านี้ก็จะหายไปเอง แต่ไม่ควรนำสารเคมี อาทิ ยาฉีดยุง ฉีดปลวก มด หรือแมลง ไปฉีด เพราะแมงมุมไม่ตาย แถมยังสามารถซ่อนตัวได้
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น