รู้หรือไม่ทำไม พระสงฆ์ไทย ถึงต้องมีการโกนคิ้ว
ขณะที่ เฟซบุ๊ก พุทธที่แท้จริง ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า
....ตามวินัย สงฆ์ไม่ต้องโกนคิ้ว
ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี บรรพชาเป็นโอกาสว่าง การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. ถ้ากระไร ‘เราจะปลงผมและหนวด' ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด(ภาษาไทย) สี.ที.๙:๓๐๘:๓๔๑
การโกนคิ้ว นิยมเฉพาะในหมู่สงฆ์ไทย และฝ่ายเถรวาทที่ไปจากไทย เช่น ลาว เขมร และลังกา
ส่วนภิกษุหมู่ใหญ่มิได้ปฏิบัติเลย คงไว้คิ้วกันทั้งสิ้น เช่น พระพม่าซึ่งเป็นเถรวาทเช่นเดียวกับไทย
และพระฝ่ายมหายานทุกนิกาย และนิกายอื่นๆทุกประเทศ ไม่ว่า ธิเบต จีน ญวน หรือญี่ปุ่น
ส่วนสาเหตุการโกนคิ้วของสงฆ์ไทยนั้น ไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่มีการสันนิษฐานไว้อยู่ 3 กรณี คือ
- กรณีที่ 1 ในช่วงรัชกาลที่ 4 มีการให้พระไทยโกนคิ้ว เพื่อแยกต่างจากนักโทษ
- กรณีที่ 2 มีภิกษุยักคิ้วใส่สีกา ความถึงพระสังฆราช จึงออกกฏให้พระไทยต้องโกนคิ้ว (แต่ข้อมูลมีทั้งบอกว่าเกิดขึ้นในสมัยอยุธยา , รัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5)
- สมัยอยุธยา ไทยพม่ารบกัน ทหารพม่าปลอมเป็นพระมาเป็นไส้ศึก พระราชาจึงสั่งให้พระไทยโกนคิ้ว เพื่อแยกแยะพระไทยกับไส้ศึก กล่าวคือ พระพม่าไส้ศึกมีคิ้ว พระไทยไม่มีคิ้ว
ซึ่งกรณีที่ 3 น่าจะเป็นกรณีที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากการโคนกิ้วของสงฆ์ไทย มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่ทั้ง 3 กรณีก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนอยู่ดี
#ทรงห้ามบัญญัติเพิ่มหรือตัดทอนสิ่งที่บัญญัติไว้
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว, จักสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้ว อย่างเคร่งครัด อยู่เพียงใด, ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความเสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น มหาปรินิพพานสูตร มหา.ที.๑๐:๘๙:๖๙......