รุนแรงมาก!! โควิดอินเดีย แสดงอาการตั้งแต่สัปดาห์แรก
***ทำไมระบาดรวดเร็ว***
การระบาดรอบที่สองนั้นกระจายตัวเร็วกว่ารอบแรก และยังไต่เพดานขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะพฤติกรรมที่หย่อนยานของประชาชนและทางการ ในขณะเดียวกัน การระบาดรอบนี้ยังเป็นการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์จากอังกฤษ ซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และไวรัสกลายพันธุ์ซ้อนของอินเดีย
ดร. บรามาร์ มุขเคอจี หัวหน้าภาควิชาชีวสถิติจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้ติดตามการระบาดในอินเดียอย่างใกล้ชิดและพบว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในการระบาดรอบแรก ในช่วงระยะเวลา 30 วัน คือการกระโดดจากตัวเลข 13,560 คน เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ไปอยู่ที่ 45,601 คนในวันที่ 22 กรกฎาคม หรือเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า
บรรดาแพทย์ระบุว่า อาการโดยทั่วไปของการระบาดทั้งสองรอบยังคงเหมือนเดิม แต่ดร. บัลราม พัรคฮางา หัวหน้าสภาการวิจัยแพทย์ของอินเดีย กล่าวว่า คนจำนวนมากขึ้น มีอาการหายใจไม่ออกตั้งแต่สัปดาห์แรกที่แสดงอาการป่วย ซึ่งแตกต่างจากการระบาดในครั้งแรก ที่ผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออกในสัปดาห์ที่สอง
อาการหายใจลำบากนี้ เกิดจากเกิดภาวะพายุไซโตไคน์ (cytokine storm) ซึ่งเป็นภาวะที่มีการหลั่งไซโตไคน์ออกมาเป็นจำนวนมากจากการเกิดกระบวนการอักเสบ จนส่งผลกระทบต่อกลไกของร่างกายในการดูดซึมออกซิเจน ซึ่งนี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ว่า ทำไมผู้ป่วยมีระดับออกซิเจนต่ำ และการระบาดในรอบนี้ อินเดียพบว่า มีผู้ติดเชื้อต้องการออกซิเจนถึง 54.5% มากกว่าการระบาดรอบแรกที่มีผู้ป่วยต้องการออกซิเจน 41.1%
***คนหนุ่มสาว-เด็ก ติดเชื้อมากขึ้น***
บรรดาแพทย์สังเกตเห็นปรากฏการณ์นี้ โดยดร. ดิจันต์ ชาสตรี กุมารแพทย์จากรัฐคุชราช ระบุว่า เขาพบการติดเชื้อในกลุ่มคนอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 18 ปีมากขึ้น โดยเขายกตัวอย่างว่า สัปดาห์ที่แล้ว มีผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ 4 คน แต่สัปดาห์ต่อมา ตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 50 คน
การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ ส่วนหนึ่งมากจากการตรวจหาเชื้อในประชากรเด็กที่เพิ่มมากขึ้นและราคาถูกลง นอกจากนี้ มีการตรวจหาเชื้อให้เด็กมากขึ้นในการระบาดรอบนี้ เพราะมีอาการป่วยที่รุนแรงขึ้น แตกต่างจากรอบแรกที่ผู้ติดเชื้อมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ ตัวเลขของรัฐบาล ยังพบว่า ข้อมูลเกี่ยวกับคนไข้ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 10,000 คน พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในแง่ของอายุผู้ป่วย โยคนไข้มากกว่า 70% มีอายุมากกว่า 40 ปี ในขณะที่คนไข้ที่มีอายุตั้งแต่อรกเกิดไปจนถึง 19 ปี มีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นจากการระบาดรอบแรกซึ่งอยู่ที่ 4.2% ไปเป็น 5.8% ในการระบาดรอบที่สอง และตัวเลขผู้ป่วยกลุ่มอายุ 20-40 ปี เพิ่มขึ้นจาก 23% ในรอบที่แล้ว เป็น 25% ในรอบนี้
***คาดอาจติดเชื้อสูงสุดหลายล้านคนต่อวัน***
สถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพ หรือ IHME แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน คาดการณ์ว่า จุดสูงสุดของการระยาดในอินเดียจะอยู่ที่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ในขณะที่ดร. มุขเคอจีคาดว่ากลางเดือนพฤษภาคม
เธอระบุว่า อินเดียจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 800,000 ไปจนถึงหนึ่งล้านคนต่อวัน และจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันราว4,500 ราย ขณะที่ IHME คาดว่า อินเดียจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 5 รายต่อวัน (ทั้งแบบที่ได้รับการยินยันและไม่ยืนยัน) และมีผู้เสียชีวิต 5,500 รายต่อวัน ในช่วงสูงสุดของการระบาด
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคาดการณ์เหล่านี้อาจปรับเปลี่ยนได้ จากมาตรการล็อกดาวน์ตามพื้นที่ต่างๆ การสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด การจำกัดการเคลื่อนย้ายระหว่างรัฐของผู้คน และการเร่งฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 นั่นเอง
***โมดีชึ้ "พายุ" การระบาดกำลังพัดถล่มอินเดีย***
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี กล่าวยอมรับเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า พายุของการแพร่เชื้อกำลังพัดถล่มอินเดีย และเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 รวมถึงใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง
นายโมดีแถลงทางวิทยุ ถ่ายทอดไปทั่วประเทศว่า "เราเคยมั่นใจ จิตวิญญาณของเราเชื่อมั่นหลังเราประสบความสำเร็จในการรับมือการระบาดรอบแรก แต่พายุลูกนี้กำลังสั่นสะเทือนประเทศ"
การแถลงของนายโมดีมีขึ้นขณะที่อินเดียรายงานผู้ติดเชื้อสูงสุดทำสถิติอีกครั้ง โดยมีผู้ติดเชื้อในรอบ 24 ชั่วที่ผ่านมา มากถึง 349,691 คน หรือเกินสามแสนคนติดกันมาสี่วันแล้ว ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 16.96 ล้านคน และเสียชีวิตสะสม 192,311 ราย ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก
***นานาชาติพร้อมช่วยเหลืออินเดีย***
ดร. อาชิช จาห์ คณบดีของวิทยาลัยสาธารณสุขแห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ กล่าวว่า อินเดียกำลังเสี่ยงที่จะเปิดหายนะด้านมนุษยธรรมด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯกำลังร่วมมือกับรัฐบาลอินเดีย และจะรีบส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมไปให้อินเดียโดยเร็ว
ทั้งนี้ สหรัฐฯถูกวิจารณ์อย่างหนัก หลังจำกัดการส่งออกวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตวัคซีนไปยังอินเดีย ทำให้เมื่อเดือนที่แล้ว สถาบันเซรุ่มวิทยาแห่งอินเดีย ได้เรียกร้องประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ให้ยกเลิกมารรการแบนการส่งออกวัตถุดิบดังกล่าว นอกจากนี้ สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯเชื้อสายอินเดียรายหนึ่ง ยังเรียกร้องให้รัฐบาลไบเดน จัดส่งวัคซีนที่ไม่ใช้ไปให้อินเดียด้วย แทนที่จะปล่อยวัคซีนไว้ในโกดัง
ด้านคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า กำลังหาทางส่งออกซิเจนและยารักษาไปให้อินเดียแล้ว หลังได้รับการร้องขอมาจากรัฐบาลอินเดีย ส่วนสหราขอาณาจักรระบุว่า ได้ส่งอุปกรณ์การแพทย์มากกว่า 600 ชุด ที่รวมถึง เครื่องผลิตออกซิเจนและเครื่องช่วยหายใจไปยังอินเดียและคาดว่าจะถึงอินเดียในวันอังคารนี้