โควิดBA.5 จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักแทนที่ BA.2 ในไทย
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ระบุ ไทยน่าจะมีการทยอยระบาดของ BA.5 มาแทนที่ทุกสายพันธุ์ เหตุอัตราการแพร่เชื้อมากกว่า แต่ความรุนแรงอาจไม่ต่างจาก BA.2 แม้จะกลายพันธุ์กลับไปเหมือน ‘เดลต้า' การป้องกันและรักษา น่าจะใกล้เคียงกับ BA.2
ข้อมูลจากการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019
จากรหัสพันธุกรรมโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5, BA.2.12.1 พบการกลายพันธุ์ ต่างไปจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม B.1.1.529, BA.1 และ BA.2 ปัจจุบันพบแนวโน้มของสายพันธุ์ BA.4/BA.5 กำลังระบาดเข้ามาแทนที่ โอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (B.1.1.529) และสายพันธุ์ย่อย BA.1, BA.2, และ BA.2.12.1 ในหลายพื้นที่ของโลก
ในสหรัฐอเมริกา โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่ระบาดส่วนใหญ่เป็น BA.2.12.1 แต่ปรากฏว่ากำลังถูกแทนที่ด้วยสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 และจากการคำนวณโดยอาศัยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมในแต่ละช่วงเวลาของ BA.4 และ BA.5 พบว่ามีอัตราการเจริญ (growth rate) หรือความฟิตในการแพร่ระบาดมากกว่า BA.2.12.1 โดยพบว่า BA.5 มีความฟิตมากที่สุด
ในสหราชอาณาจักรอัตราการเจริญ (growth rate) ซึ่งคำนวณจากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมในแต่ละช่วงเวลาพบว่า
BA.5 เจริญรวดเร็วกว่า BA.2 ประมาณ 35.14 %
BA.4 เจริญรวดเร็วกว่า BA.2 ประมาณ 19.17%
BA.2.12.1 เจริญรวดเร็วกว่า BA.2 ประมาณ 9.16%
ดังนั้น สถานการณ์ในสหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกาคล้ายกันคือ BA.5 มีการเจริญที่รวดเร็วที่สุด และน่าจะมาแทนที่ BA.4 และ BA.2.12.1 ในที่สุด
"สายพันธุ์ที่ควรเฝ้าระวังมากที่สุดในปัจจุบันและอนาคตคือ BA.5"
เมื่อพิจารณาดูจากรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมพบว่า BA.4 และ BA.5 บริเวณส่วนหนาม มีการกลายพันธุ์ต่างไปจาก BA.2 เพียง 3 ตำแหน่ง คือ 69-70del, L452R, F486V โดยตำแหน่ง "L452R" กลายพันธุ์กลับไปเหมือนสายพันธุ์ "เดลตา"
ส่วนตำแหน่ง "F486V" เป็นการกลายพันธุ์ใหม่ คาดว่าช่วยให้ไวรัสมีความฟิตมากขึ้นในการแพร่ระบาด
นอกจากนั้นบนจีโนมของ BA.4 และ BA.5 ยังมีการกลายพันธุ์กลับไปเหมือนสายพันธุ์ดั้งเดิมที่เคยระบาดในอดีต ก่อนหน้าสายพันธุ์เดลตา เช่น อัลฟา เบตา และ แกมมา ที่ตำแหน่ง Q493
การกลายพันธุ์ของ BA.4/BA.5 มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ดั้งเดิม "อู่อั๋น" ประมาณ 85 ตำแหน่ง ในขณะที่ BA.2 การกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ดั้งเดิม "อู่อั๋น" ประมาณ 75 ตำแหน่ง
การที่ BA.4 และ BA.5 มีกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง "L452R" เหมือนกับสายพันธุ์ ‘เดลตา' ส่งผลให้จากการทดลองในห้องปฏิบัติการ พบว่าสามารถเพาะเลี้ยงไวรัส BA.4 และ BA.5 ในเซลล์ปอดมนุษย์ในหลอดทดลองได้ดี หนามของไวรัสได้มีการเปลี่ยนแปลงไปสามารถเป็นตัวเชื่อมให้ผนังของหลายเซลล์ในหลอดทดลองหลอมรวมเป็นเซลล์เดียว (cell fusion หรือ syncytia formation) อันอาจเป็นเหตุดึงดูดให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อเข้ามาทำลายเซลล์ปอดของผู้ติดเชื้อ เกิดการอักเสบที่ปอด ส่วนในหนูทดลองพบการติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 ในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่นที่เซลล์ปอดได้ดี
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทางคลินิกจากผู้ติดเชื้อแตกต่างจากข้อมูลที่ได้จากห้องทดลอง โดยขณะนี้มีการแพร่ระบาดของ BA.4 และ BA.5 หลายประเทศในยุโรป จากการติดตามการดำเนินของโรคโควิด-19 ในประเทศแอฟริกาใต้ และโปรตุเกส ซึ่งเป็นประเทศแรกๆที่มีการระบาดของ BA.4 และ BA.5 พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ต้องเข้ารักษาตัวใน รพ. เพิ่มสูงขึ้นบ้าง แต่ไม่สูงเท่ากับการติดเชื้อโอไมครอน BA.2 ในอดีต ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตก็คงที่ไม่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านมีความเห็นสอดคล้องกันว่า BA.4 และ BA.5 สามารถระบาดได้รวดเร็วกว่า BA.2 แต่ความรุนแรงและอาการทางคลินิก น่าจะไม่แตกต่างจาก BA.2 อย่างไรก็ดี คงต้องรอข้อมูลทางคลินิกจากหลายประเทศในยุโรป อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาที่ BA.4 และ BA.5 กำลังระบาดมาสรุปร่วมด้วย