กางข้อมูลฉุกคิดก่อนเชื่อ IF8/16 เสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหัวใจเพิ่ม?
ทำเอาคนที่ชอบเข้าวงการ IF ต้องตกใจไม่น้อย กับงานวิจัยที่บอกว่าทำ IF 16/8 เสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหัวใจ 91%
เกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าสุด นพ.สมรส พงศ์ละไม แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า การงดอาหารแบบ Intermittent Fasting (IF) อาจส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ดูเหมือนจะเป็นประเด็นที่สร้างความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชน อย่างไรก็ตามในทัศนะทางวิชาการเราพิจารณาประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้".
1-ในมุมมองวิชาการ งานวิจัยนี้ไม่ได้มีดราม่าอะไรเลย เพราะข้อจำกัดของงานวิจัยเองหลายข้อ ท่านที่เรียนการวิจารณ์วิเคราะห์วิจัยมา (ตั้งแต่ป.โทขึ้นไป) จะเข้าใจ แต่คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เรียนเรื่องนี้อาจจะตกใจกับหัวเรื่องได้
2-หากพิจารณาเพียงหัวข้องานวิจัยอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ ไม่ได้หมายความว่าหนึ่งเป็นสาเหตุของอีกอย่างหนึ่งเสมอไป
Corelation ≠ Causation
มีความสัมพันธ์ ≠ เป็นสาเหตุ
Corelation ≠ Causation
มีความสัมพันธ์ ≠ เป็นสาเหตุ
3-ในงานวิจัยนี้มีปัจจัยหลายประการที่อาจก่อให้เกิดอคติหรือปัจจัยรบกวน เช่น พฤติกรรมการสูบบุหรี่ ประเภทและปริมาณอาหารที่บริโภค โรคประจำตัว การพักผ่อนไม่เพียงพอ และการใช้สารเสพติด เป็นต้น
4-จากข้อมูลเบื้องต้น พบว่ากลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยมีดัชนีมวลกายเฉลี่ยอยู่ในระดับน้ำหนักเกิน (BMI 27) ตั้งแต่แรก แตกต่างกับคนเอเชียหรือคนไทยเรา
5-ในกลุ่มคนที่งดอาหารนานที่สุดพบว่ามีอัตราการสูบบุหรี่สูงถึง 27% ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตโดยตรงและรุนแรง ดังนั้นจะไปโทษ IF อย่างเดียวเลยคงไม่ได้
6-งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาแบบย้อนหลังจากข้อมูลแบบสอบถาม จึงอาจมีข้อจำกัดด้านความน่าเชื่อถือเมื่อเปรียบเทียบกับการวิจัยเชิงทดลอง หากสามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมก็จะยิ่งเพิ่มคุณค่าของผลการศึกษา
7-มักพบว่าการศึกษาลักษณะนี้ไม่สามารถควบคุมตัวแปรทุกประการได้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่น ประเภทอาหาร ปริมาณแคลอรี อาหารอเมริกันอนุมานได้ว่ามีแป้ง น้ำตาล ไขมัน ของทอด น้ำอัดลมค่อนข้างเยอะ ซึ่งทำให้ตายได้สูง แตกต่างกับอาหารเมดิเตอร์เรเนียนหรืออาหารเอเชีย
8-ผลการศึกษาบางครั้งอาจนำไปสู่ข้อสรุปที่ตรงกันข้ามกับสามัญสำนึก ดังเช่นงานวิจัย meta-analysis ในคนหลายหมื่นคนพบว่า ผู้ที่ใช้ครีมกันแดดกลับมีอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังสูงกว่าผู้ที่ไม่ใช้! เนื่องจากความเข้าใจว่าครีมกันแดดสามารถป้องกันมะเร็งได้ จึงทำให้พฤติกรรมเสี่ยงต่อการสัมผัสแสงแดดเพิ่มมากขึ้นมาก
การนำไปใช้ที่เหมาะสมคือ ควรหลีกเลี่ยงแดดที่รุนแรงมากเกินไปและใช้ครีมกันแดดด้วย จะลดโอกาสเกิดมะเร็งผิวหนังได้มากที่สุด
ในทำนองเดียวกัน ถ้าคนส่วนใหญ่คิดว่าการกิน IF แล้วจะมีสุขภาพดี ดังนั้นจึงทำให้คิดว่าสามารถกินหวาน มัน เค็ม น้ำอัดลม สูบบุหรี่ นอนดึก เสพยาได้ สุดท้ายก็ตายมากขึ้น ส่วนตัวคิดว่าปัจจัยนี้มีผลอย่างมาก สุดท้าย ควรติดตามผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์และวิเคราะห์อย่างวิทยาศาสตร์อย่างเป็นกลาง ไม่ควรด่วนหลงเชื่อข้อมูลที่อาจไม่สมบูรณ์ หมอไทยไม่เชื่ออะไรง่ายๆ อยู่แล้ว