เปรี้ยว หวาน เค็ม ขม หลบไปอูมามิมาแล้ว
เป็นที่เข้าใจกันแต่โบราณกาลแล้วว่า รสชาติของอาหารนั้นประกอบด้วยรสพื้นฐาน สี่รสด้วยกัน คือ รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม และรสขม แต่ปัจจุบันนี้มีรสใหม่เพิ่มขึ้นมาแล้วนะ นั่นคือรสอูมามิ
เอ้ยยย ทำไมเป็นชื่อมันเป็นญี่ปุ้น ... ญี่ปุ่นล่ะ
ก็แหง๋มล่ะ ว่ารสนี้ต้องเป็นคนญี่ปุ่นคิดค้นขึ้นมาแน่ ๆ เขาผู้นั้นคือ ท่านศ.ดร.คิคุนาเอะ อิเคดะ นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นนั่นเองงง
(แหม ... แอบโอตาคุวุ้ย)
ว่ากันว่าอูมามินั้นจะแทรกตัวอยู่ในวัฒนธรรมการปรุงของแต่ละชาติอยู่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้อาหารมีรสชาติน่าทานมากขึ้น มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะงง ๆ ว่า เอ๊ ...... แล้วตกลงไอ้รสอูมามิมันเป็นยังไงหน่อ ?
อูมามินั้นเป็นกลูตาเมตที่ได้มาจากธรรมชาติ อย่างเช่น มะเขือเทศ เห็ดหอม เนื้อสัตว์และเครื่องปรุงรสอย่างน้ำปลา ซีอิ๊ว หรือการทำอาหารบางอย่าง อย่างการหมัก การต้ม ก็ทำให้เกิดอูมามิได้
เอาล่ะขอเว้ากันซื่อ ๆ เลยนะ อูมามินั้นก็เปรียบได้กับ รสอร่อย หรือรสกล่อมกล่อมนั่นเอง คิดง่าย ๆ ว่า ระหว่างเกลือ กับน้ำปลานั้นให้รสชาติเค็มเหมือนกัน แต่คนไทยนิยมใช้น้ำปลามากกว่าเกลือ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าเมื่อเราใส่น้ำปลาลงในอาหารแล้ว น้ำปลาจะให้กลิ่นหอมชวนให้เจริญอาหารมากกว่า การใส่เกลือที่จะให้รสเค็มเพียงอย่างเดียวแต่ไม่ให้กลิ่นใด ๆ เลย
หรือ ระหว่างส้มตำปูกับส้มตำปลาร้า ส้มตำปลาร้าจะเป็นที่นิยมมากกว่า ทั้งนี้เพราะว่าในน้ำปลาร้านั้นมีอูมามิ ที่ทำให้เรารู้สึกว่าส้มตำปลาร้ามันน่ารับประทานมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาของมัน หรือกลิ่นของมันที่ทำให้เราอยากทานมากกว่าส้มตำปูนั่นเอง
(ว้าย .... น้ำลายสออ่ะ อยากกินขึ้นมาเลย)
สำหรับใครที่ชอบทำอาหาร อ่านแล้วไม่ต้องเครียดนะคะ ว่าเอ๊ ... ฉันจะต้องไปซื้อเจ้าอูมามินี่ที่ไหนนะ เพราะว่าอูมามิเป็นรสที่ได้จากธรรมชาติค่ะ เพราะฉะนั้นใส่ใจในการทำก็พอแค่นี้จานไหน ๆก็อร่อยแล้วล่ะ
ว่าแต่ว่าอ่านแล้วอยากหาของอร่อย ๆ อุดมไปด้วยอูมามิมาทานกันแล้วชิมิเคอะ ? ดิเองก็อยากคร่าาา