ที่ผ่านมา พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพสกนิกรชาวไทย และเพื่อการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ทั้งยังทรงเป็นบุคคลแบบอย่างและทรงเปี่ยมด้วยคุณธรรม โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงทรงเป็นที่เคารพรักของชาวไทยและพสกนิกรทั่วทั้งโลก
นอกจากนี้ ยังทรงเข้าถึงประชาชนที่ยากจนและด้อยโอกาสที่สุดของประเทศ โดยไม่คำนึงถึงฐานะ ชาติพันธุ์ ศาสนา ทั้งยังทรงรับฟังปัญหาและสนับสนุนให้พสกนิกรเหล่านี้สู้กับปัญหาเมื่อปี 2549 องค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลการพัฒนามนุษย์แห่งสหประชาชาติแด่พระองค์ เพื่อยกย่องในฐานะกษัตริย์นักพัฒนา
จากพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนามนุษย์ที่สำคัญของพระองค์พระองค์ทรงเป็นที่ยอมรับในประชาคมโลกในด้านทรัพย์สินทางปัญญา นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ และในปี 2552 องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลผู้นำโลกแด่พระองค์ ทั้งยังทรงเป็นผู้ธำรงไว้ ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงของไทยตลอดช่วงเวลาหลายสิบปีแห่งความวุ่นวายของยุคสงครามเย็นเนื่องจากนี้ พระองค์ทรงเป็นมิตรที่ได้รับการไว้วางใจของสหรัฐ ในการเสริมสร้างการเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งและมั่นคงระหว่างสหรัฐและไทยพระองค์ทรงตรัสเปิดประชุมการอภิปรายร่วมของรัฐสภาสหรัฐ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2503 ซึ่งระหว่างนั้น พระองค์ตรัสถึงการยืนหยัดมิตรภาพและไมตรีที่แข็งแกร่งระหว่างสหรัฐและไทยทั้งนี้ สหรัฐและไทย ยังคงเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงที่เหนียวแน่น ตามที่ได้ลงนามในสนธิสัญญาป้องกันร่วมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ที่รู้จักในชื่อ สนธิสัญญามะนิลา 2497) และได้ขยายความร่วมมือภายหลังภายใต้แถลงการณ์ร่วมถนัด-รัสก์ ปี 2505ตลอดหลายสิบปีมานี้ ไทย ได้จัดการซ้อมรบประจำปี คอบร้า โกลด์ ซึ่งเป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดในเอเชีย เพื่อเพิ่มความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงระดับภูมิภาคและไทย ยังอนุญาตให้กองทัพสหรัฐ ใช้ฐานทัพอากาศอู่ตะเภา ในการประสานความร่วมมือด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศด้านอดีตประธานาธิบดีจอร์ช ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ ประกาศให้ไทยเป็นพันธมิตรรายใหญ่นอกกลุ่มองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้)
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2546 ความร่วมมือที่ใกล้ชิดและการเสียสละร่วมกัน จากการเผชิญหน้าภัยต่างๆ ร่วมกัน ทำให้สหรัฐและไทยใกล้ชิดขึ้น และก่อให้เกิดพื้นฐานที่มั่นคงในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ให้ประโยชน์ต่อกัน เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต สิริพระชนมพรรษา 88 ปี และได้ทรงเหลือไว้ซึ่งคุณงามความดีแก่ประเทศไทยสืบไป เหตุวุฒิสภาจึงมีมติ
(1) เชิดชูพระจริยวัตร ความเป็นผู้นำ และการครองสิริราชสมบัติตลอด 70 ปีที่น่าจดจดของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชของไทย
(2) แสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้งต่อพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และต่อประชาชนชาวไทย จากการสูญเสียครั้งใหญ่นี้
(3) เฉลิมฉลองความเป็นพันธมิตรและมิตรภาพระหว่างไทยและสหรัฐ เพื่อสะท้อนถึงผลประโยชน์ร่วม ตลอดประวัติศาสตร์ทางการทูตยาวนาน 183 ปี และความเป็นหุ้นส่วนในหลายได้ ที่ส่งผลดีต่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
(4) น้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่ทรงสืบราชบัลลังก์
และ (5) สร้างรากฐานการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งต่อกัน ที่พัฒนาเรื่อยมาตลอดรัชสมัยพระราชบิดาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยมุ่งหวังที่จะหยั่งลึกไมตรีที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและสหรัฐ