
ที่มาของ นะโม ตัสสะ ไม่ธรรมดา

นะโม ตัสสะ บทสวดที่ชาวพุทธตั้งแต่เด็กเล็กยังผู้สูงอายุต่างสวดเป็น " นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ " แปลว่า "ขอนอบน้อม แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง" คุ้นกันไหม เชื่อว่าคุ้น แต่มีใครบ้างที่จะทราบว่า กว่าจะเป็นบทสวดสรรเสริญพระพุทธเจ้าบทนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย
ในคัมภีร์ฎีกานะโม เรียกง่าย ๆว่า คัมภีร์อธิบายความหมายของนะโม เล่าถึงความเป็นมาของบทสวดนี้ไว้ว่า
ครั้งสมัยพุทธกาล มีเทพเจ้า 5 พระองค์เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าตามลำดับ เทพเจ้าพระองค์แรกคือ "สาตาคิรียักษ์" เป็นเทวดาประเภทภุมมเทวดา (พระภูมิ) สถิตอยู่ที่เขาสาตาคีรี ในหิมวันตประเทศ มีหน้าที่เฝ้าประตูของป่าหิมพานต์ทางทิศเหนือ เป็นหนึ่งในคณะบริวารของพระเวสสุวัณ
สาตาคิรียักษ์เมื่อได้ฟังพระธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วบังเกิดจิตเลื่อมใสจึงเปล่งวาจาขึ้นว่า "นะโม" (ขอนอบน้อม)
ต่อมาพระอสุรินทราหูทราบว่าพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของโลก ทรงโปรดให้มนุษย์และเทวดาบรรลุธรรมเป็นจำนวนมาก จึงปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม แต่ด้วยพระองค์มีรูปร่างใหญ่โต หากเข้าใกล้พระพุทธเจ้าจะไม่สมควร พระพุทธเจ้าทรงทราบจึงเนรมิตร่างของพระองค์ให้ใหญ่โตกว่าพระอสุรินทราหูในท่าไสยาสน์ เมื่อพระอสุรินทราหูเห็นดังนั้นจึงมีจิตเลื่อมใส ยอมเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม พอฟังจบแล้วจึงเปล่งวาจาด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าว่า "ตัสสะ" (พระองค์นั้น)
จากนั้นพระอสุรินทราหูกราบลาพระพุทธเจ้ากลับแดนอสูร พระจตุโลกบาล เจ้าสวรรค์ชั้นจาตุงมหาราชิกา (สวรรค์ชั้นหนึ่งในคติพระพุทธศาสนา) พากันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม หลังจากฟังธรรมแล้วจึงเปล่งวาจาพร้อมกันว่า "ภะคะวะโต" (แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า)
ต่อมาเมื่อพระจตุโลกบาล หรือมหาราชทั้ง 4 กลับไปยังวิมานของตนแล้ว พระสักกะเทวราช หรือ พระอินทร์ เจ้าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (สวรรค์ชั้นที่สองในคติพระพุทธศาสนา) เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม พอฟังจบก็เปล่งวาจาขึ้นว่า "อะระหะโต" (เป็นผู้ไกลจากกิเลส)
เมื่อพระสักกะเทวราชเสด็จกลับวิมานแล้ว พระสหัสบดีพรหมเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อสนทนาธรรม เมื่อจบการสนทนาแล้วจึงเปล่งวาจาว่า "สัมมาสัมพุทธัสสะ" (ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง)
ดังนั้นการที่เราสวดมนต์บทสรรเสริญพระพุทธเจ้านั้น เราได้นำคำเปล่งวาจาจากเทพเจ้าทั้ง 5 มา ซึ่งเป็นมนต์ที่มาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าทุกพระองค์มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า อย่างพระอสุรินทราหู หรือพระราหู ในภายภาคหน้าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ส่วนพระมหาราชทั้ง 4 พระสักกะเทวราช และพระสหัสบดีพรหม ล้วนติดตามอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าตั้งแต่วันที่พระองค์ประสูติ โดยเฉพาะพระมหาราชทั้ง 4 รับหน้าที่ป้องปกพระพุทธเจ้าตั้งแต่สถิตในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา พระสักกะเทวราชและพระสหัสบดีพรหมก็ถวายเครื่องอัฐบริขารแด่เจ้าชายสิทธัตถะตอนเสด็จออกผนวช ทั้งยังนำพระเมาฬี (ผม) ของพระองค์ไปประดิษฐานในพระเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
บทสวดนะโม ตัสสะฯ เป็นบทสวดสั้น ๆ นิยมสวดสามจบต่อครั้ง ก่อนที่จะเริ่มสวดมนต์บทอื่น คงเนื่องมาจากเป็นมนต์ 5 คำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มาจากการเปล่งวาจาของเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ 5 พระองค์ ฉะนั้นต่อไปนี้ เชื่อว่าคงมีความศรัทธาและมีจิตเป็นกุศลมากขึ้นในขณะสวดและภาวนาด้วยบทสวด นะโม ตัสสะฯ นี้
ที่มา : นะโม นั้นสำคัญมาก ,goodlifeupdate.com
ในคัมภีร์ฎีกานะโม เรียกง่าย ๆว่า คัมภีร์อธิบายความหมายของนะโม เล่าถึงความเป็นมาของบทสวดนี้ไว้ว่า
ครั้งสมัยพุทธกาล มีเทพเจ้า 5 พระองค์เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าตามลำดับ เทพเจ้าพระองค์แรกคือ "สาตาคิรียักษ์" เป็นเทวดาประเภทภุมมเทวดา (พระภูมิ) สถิตอยู่ที่เขาสาตาคีรี ในหิมวันตประเทศ มีหน้าที่เฝ้าประตูของป่าหิมพานต์ทางทิศเหนือ เป็นหนึ่งในคณะบริวารของพระเวสสุวัณ
สาตาคิรียักษ์เมื่อได้ฟังพระธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วบังเกิดจิตเลื่อมใสจึงเปล่งวาจาขึ้นว่า "นะโม" (ขอนอบน้อม)
ต่อมาพระอสุรินทราหูทราบว่าพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของโลก ทรงโปรดให้มนุษย์และเทวดาบรรลุธรรมเป็นจำนวนมาก จึงปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม แต่ด้วยพระองค์มีรูปร่างใหญ่โต หากเข้าใกล้พระพุทธเจ้าจะไม่สมควร พระพุทธเจ้าทรงทราบจึงเนรมิตร่างของพระองค์ให้ใหญ่โตกว่าพระอสุรินทราหูในท่าไสยาสน์ เมื่อพระอสุรินทราหูเห็นดังนั้นจึงมีจิตเลื่อมใส ยอมเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม พอฟังจบแล้วจึงเปล่งวาจาด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าว่า "ตัสสะ" (พระองค์นั้น)
จากนั้นพระอสุรินทราหูกราบลาพระพุทธเจ้ากลับแดนอสูร พระจตุโลกบาล เจ้าสวรรค์ชั้นจาตุงมหาราชิกา (สวรรค์ชั้นหนึ่งในคติพระพุทธศาสนา) พากันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม หลังจากฟังธรรมแล้วจึงเปล่งวาจาพร้อมกันว่า "ภะคะวะโต" (แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า)
ต่อมาเมื่อพระจตุโลกบาล หรือมหาราชทั้ง 4 กลับไปยังวิมานของตนแล้ว พระสักกะเทวราช หรือ พระอินทร์ เจ้าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (สวรรค์ชั้นที่สองในคติพระพุทธศาสนา) เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม พอฟังจบก็เปล่งวาจาขึ้นว่า "อะระหะโต" (เป็นผู้ไกลจากกิเลส)
เมื่อพระสักกะเทวราชเสด็จกลับวิมานแล้ว พระสหัสบดีพรหมเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อสนทนาธรรม เมื่อจบการสนทนาแล้วจึงเปล่งวาจาว่า "สัมมาสัมพุทธัสสะ" (ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง)
ดังนั้นการที่เราสวดมนต์บทสรรเสริญพระพุทธเจ้านั้น เราได้นำคำเปล่งวาจาจากเทพเจ้าทั้ง 5 มา ซึ่งเป็นมนต์ที่มาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าทุกพระองค์มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า อย่างพระอสุรินทราหู หรือพระราหู ในภายภาคหน้าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ส่วนพระมหาราชทั้ง 4 พระสักกะเทวราช และพระสหัสบดีพรหม ล้วนติดตามอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าตั้งแต่วันที่พระองค์ประสูติ โดยเฉพาะพระมหาราชทั้ง 4 รับหน้าที่ป้องปกพระพุทธเจ้าตั้งแต่สถิตในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา พระสักกะเทวราชและพระสหัสบดีพรหมก็ถวายเครื่องอัฐบริขารแด่เจ้าชายสิทธัตถะตอนเสด็จออกผนวช ทั้งยังนำพระเมาฬี (ผม) ของพระองค์ไปประดิษฐานในพระเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
บทสวดนะโม ตัสสะฯ เป็นบทสวดสั้น ๆ นิยมสวดสามจบต่อครั้ง ก่อนที่จะเริ่มสวดมนต์บทอื่น คงเนื่องมาจากเป็นมนต์ 5 คำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มาจากการเปล่งวาจาของเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ 5 พระองค์ ฉะนั้นต่อไปนี้ เชื่อว่าคงมีความศรัทธาและมีจิตเป็นกุศลมากขึ้นในขณะสวดและภาวนาด้วยบทสวด นะโม ตัสสะฯ นี้
ที่มา : นะโม นั้นสำคัญมาก ,goodlifeupdate.com
เครดิต :   
 
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!

 กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
  กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























 กระทู้ล่าสุด
 กระทู้ล่าสุด


 รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
 รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday