แต่งงานแล้ว ไม่สามารถมีลูกได้ เกิดจากกรรมอันใดที่เคยทำมา?
คำถาม : ผู้ที่แต่งงานแล้ว ไม่สามารถมีบุตรได้ เป็นเพราะการผิดปกติทางด้านสรีระภายในที่แพทย์พิสูจน์แล้ว จะมีกรรมอันใดที่เคยทำมา?
หลวงพ่อพุธตอบ : ในสมัยครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเทศน์เรื่องโพธิราชกุมาร โพธิราชกุมารเกิดมาแล้วเป็นเศรษฐีแล้วไม่มีบุตรสืบสกุล วันหนึ่งท่านก็อธิษฐานบารมีว่า "ถ้าหากว่าเราจะมีบุตร เราจะปูผ้าขาวเอาไว้ ขอให้พระพุทธเจ้าเหยียบผ้าขาวของเรา" พระพุทธเจ้าก็รู้ล่วงหน้าว่าเศรษฐีคนนี้จะไม่มีบุตรตลอดชาติ อ่านก็ไม่ทรงเหยียบ พระสงฆ์ทั้งหลายก็ไม่ทรงเหยียบเป็นเพราะบุพกรรมอันใด? เศรษฐีคนนี้ได้ไปพรากลูกพรากเต้าเขาในสมัยก่อนมีพวกพ่อค้าล่องเรือสำเภาไปค้าขายในทะเล พอดีลมพายุมันมาพัดเรือจะจมมิจมแหล่ พวกชาวเรือทั้งหลายก็มาปรึกษากันว่า? ชะรอยจะมีคนกาลกิณีติมาด้วย เขาทั้งหลายก็พากันให้จับฉลาก พอจับฉลากแล้วบุรุษกาลกิณีผัวเมียคู่หนึ่งเป็นกาลกิณีก็จับฉลากได้แต่กาลกิณีถึง ๓ ครั้ง ๓ หน ชาวเรือทั้งหลายเขาก็สละไม้กระดานแผ่นหนึ่งผูกคนทั้งสองติดไม่กระดานแล้วปล่อยลงไปในทะเลคลื่นทะเลก็ซัดไปตามบุญตามกรรม ไปติดอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่งกลางทะเลซึ่งไม่มีผู้มีคนแต่ว่าในเกาะนั้นนกทั้งหลายพากันไปทำรังออกลูกออกไข่อยู่ที่นั่น ผัวเมียคู่นี้ไม่มีอะไรจะกิน ไปเห็นลูกนกทั้งหลายก็เอาไม่ไผ่ไปสีให้เกิดไฟขึ้นแล้วไปเก็บไข่นกมาเผาไฟกิน เมื่อกินไข่หมดแล้วเอาลูกมันมาเผากิน เมื่อกินลูกหมดแล้วก็เอาไม้ไล่ตีแม่มันมาเผากิน จนกระทั่งนกในเกาะนั้นหมดที่เหลือก็พากันบินหนีข้ามทะเลไป
เพราะบาปกรรมอันนี้เอง สองผัวเมียก็พากันตกนรก เวียนว่ายตายเกิดหลายภพหลายชาติ เมื่อเกิดมาในสมัยโพธิราชกุมาร เพราะบาปกรรมอันนั้นเองจึงบันดาลให้ผัวเมียคู่นี้ไม่มีบุตร เพราะฉะนั้นคนแต่งงานแล้วไม่มีบุตร บาปกรรมที่ทำให้อวัยวะที่เป็นกำเนิดของทารกนั้นพิการไป หรือมีอุปสรรคถึงกับไม่มีบุตร ก็เพราะบาปกรรมอันนี้
หลวงพ่อพุธตอบ : ในสมัยครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเทศน์เรื่องโพธิราชกุมาร โพธิราชกุมารเกิดมาแล้วเป็นเศรษฐีแล้วไม่มีบุตรสืบสกุล วันหนึ่งท่านก็อธิษฐานบารมีว่า "ถ้าหากว่าเราจะมีบุตร เราจะปูผ้าขาวเอาไว้ ขอให้พระพุทธเจ้าเหยียบผ้าขาวของเรา" พระพุทธเจ้าก็รู้ล่วงหน้าว่าเศรษฐีคนนี้จะไม่มีบุตรตลอดชาติ อ่านก็ไม่ทรงเหยียบ พระสงฆ์ทั้งหลายก็ไม่ทรงเหยียบเป็นเพราะบุพกรรมอันใด? เศรษฐีคนนี้ได้ไปพรากลูกพรากเต้าเขาในสมัยก่อนมีพวกพ่อค้าล่องเรือสำเภาไปค้าขายในทะเล พอดีลมพายุมันมาพัดเรือจะจมมิจมแหล่ พวกชาวเรือทั้งหลายก็มาปรึกษากันว่า? ชะรอยจะมีคนกาลกิณีติมาด้วย เขาทั้งหลายก็พากันให้จับฉลาก พอจับฉลากแล้วบุรุษกาลกิณีผัวเมียคู่หนึ่งเป็นกาลกิณีก็จับฉลากได้แต่กาลกิณีถึง ๓ ครั้ง ๓ หน ชาวเรือทั้งหลายเขาก็สละไม้กระดานแผ่นหนึ่งผูกคนทั้งสองติดไม่กระดานแล้วปล่อยลงไปในทะเลคลื่นทะเลก็ซัดไปตามบุญตามกรรม ไปติดอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่งกลางทะเลซึ่งไม่มีผู้มีคนแต่ว่าในเกาะนั้นนกทั้งหลายพากันไปทำรังออกลูกออกไข่อยู่ที่นั่น ผัวเมียคู่นี้ไม่มีอะไรจะกิน ไปเห็นลูกนกทั้งหลายก็เอาไม่ไผ่ไปสีให้เกิดไฟขึ้นแล้วไปเก็บไข่นกมาเผาไฟกิน เมื่อกินไข่หมดแล้วเอาลูกมันมาเผากิน เมื่อกินลูกหมดแล้วก็เอาไม้ไล่ตีแม่มันมาเผากิน จนกระทั่งนกในเกาะนั้นหมดที่เหลือก็พากันบินหนีข้ามทะเลไป
เพราะบาปกรรมอันนี้เอง สองผัวเมียก็พากันตกนรก เวียนว่ายตายเกิดหลายภพหลายชาติ เมื่อเกิดมาในสมัยโพธิราชกุมาร เพราะบาปกรรมอันนั้นเองจึงบันดาลให้ผัวเมียคู่นี้ไม่มีบุตร เพราะฉะนั้นคนแต่งงานแล้วไม่มีบุตร บาปกรรมที่ทำให้อวัยวะที่เป็นกำเนิดของทารกนั้นพิการไป หรือมีอุปสรรคถึงกับไม่มีบุตร ก็เพราะบาปกรรมอันนี้
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น