ไครโอนิกส์ แช่แข็งมนุษย์รอวันคืนชีพ ชุบชีวิตคนตายได้จริงหรือ
การแช่แข็งมนุษย์ หรือไครโอนิกส์ (Cryonics) การแช่แข็งมนุษย์รอวันคืนชีพที่กำลังเป็นประเด็นน่าจับตา เทคโนโลยีแช่แข็งมนุษย์ที่ว่านี้จะมีความเป็นไปได้ไหม แล้วจะเกิดปาฏิหาริย์ชุบชีวิตคนตายได้จริงหรือเปล่า มาดูกัน
จากข่าวคู่สามีภรรยาตัดสินใจแช่แข็งศพลูกสาววัย 2 ขวบเอาไว้เพียงเพราะหวังว่าเทคโนโลยีแช่แข็งมนุษย์จะช่วยให้ลูกสาวตัวน้อยของพวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้สังคมเริ่มจับตามองเทคโนโลยีไครโอนิกส์กันมากขึ้น เพราะหากการแช่แข็งมนุษย์ที่ตายไปแล้วเพื่อรอวันให้เทคโนโลยีทางการแพทย์มาคืนชีพให้ศพนั้นเกิดขึ้นได้จริง เชื่อว่ามนุษย์เราคงกลัวความตายน้อยลง และคงเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อยหากคนที่เรารักจะอยู่กับเราไปได้ตลอดกาล
ทว่าการแช่แข็งมนุษย์หรือไครโอนิกส์ (Cryonics) ในขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน แล้วสามารถช่วยคืนชีพให้คนตายได้จริงหรือไม่ ประเด็นนี้น่าติดตามจนเราต้องนำมาบอกต่อให้ทุกคนได้ทราบไปพร้อมกัน
ความเป็นมาของการแช่แข็งมนุษย์
เทคโนโลยีนี้ถือกำเนิดขึ้นด้วยมันสมองของศาสตราจารย์โรเบิร์ต เอ็ตทิงเกอร์ นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ผู้ริเริ่มการทดลองแช่แข็งสเปิร์มของกบ สเปิร์มของวัว และสเปิร์มมนุษย์มาก่อน จากนั้นจึงเริ่มทดลองแช่แข็งตัวอ่อนของหนู แพะ และกระต่ายเพื่อการรักษาเซลล์ในร่างกายจนประสบความสำเร็จมาแล้ว
ในที่สุดเขาจึงมีความคิดว่า เทคโนโลยีการแช่แข็งก็น่าจะช่วยรักษาสภาพร่างกายของมนุษย์ที่หมดลมหายใจไปแล้วได้เช่นกัน นี่จึงเป็นที่มาของไครโอนิกส์หรือเทคโนโลยีแช่แข็งมนุษย์เพื่อรอวันฟื้นคืนชีพอีกครั้งนั่นเอง
แช่แข็งเซลล์ ทำเพื่ออะไร?
แม้จะหมดลมหายใจไปแล้ว แต่หากเซลล์ยังไม่ถูกทำลาย สภาวะนี้ยังไม่เรียกว่าเสียชีวิตได้อย่างเต็มปากมากนัก ดังนั้นจุดประสงค์ของการแช่แข็งมนุษย์จึงทำขึ้นเพื่อรักษาสภาพของเซลล์เพื่อรอวิวัฒนาการการทางการแพทย์ในอนาคตมาต่อลมหายใจให้ใหม่ และการแช่แข็งที่ทำกันมาอย่างแพร่หลายทั่วโลกอีกอย่างก็คือ การแช่แข็งสเปิร์มของสิ่งมีชีวิตเอาไว้รอการผสมพันธุ์อีกด้วย
วิธีการแช่แข็งมนุษย์
เริ่มจากวัสดุและสารเคมีที่จะใช้ในกระบวนการแช่แข็งมนุษย์กันก่อน โดยการแช่แข็งมนุษย์นี้จะมีก๊าซไนโตรเจนเหลวเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งภายในถังไนโตรเจนเหลวที่ว่าก็จะมีสารเคมีผสมไกลคอล เช่น เอทิลีนไกลคอล หรือโพรไพลีนไกลคอลหรือไดเมทิลซัลฟอกไซด์ปะปนอยู่ด้วย
ทั้งนี้ก็เพื่อให้สารเคมีทั้งหมดทำหน้าที่ต้านการเยือกแข็งที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายของศพที่นำมาแช่แข็ง เพราะหากความเย็นก่อผลึกน้ำแข็งกับร่างที่แช่ จะไปทำลายเซลล์ในร่างกายให้เนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ได้รับความเสียหาย โอกาสจะฟื้นคืนชีพให้ศพก็อาจเป็นไปได้ยากมากขึ้น
มาถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงอยากทราบแล้วสินะคะว่า วิธีการแช่แข็งมนุษย์นั้นเขาทำกันอย่างไร บอกให้รู้กันตรงนี้เลยก็ได้ว่าทันทีที่ผู้ป่วยหยุดหายใจ ร่างที่กำลังจะกลายเป็นศพโดยสมบูรณ์นั้นจะถูกนำไปแช่ไว้ในถังไนโตรเจนเหลว ในลักษณะคว่ำศีรษะลง เพื่อปกป้องศีรษะจากอันตรายในกรณีที่เกิดการรั่ว แล้วก็แช่ร่างมนุษย์เอาไว้อย่างนั้น ให้ความเย็นจากสารเคมีหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกายให้คงสภาพการมีชีวิตอยู่ เสมือนสตาร์ฟเซลล์เอาไว้เพื่อรอวันที่เทคโนโลยีทางการแพทย์จะสามารถรักษาอาการป่วยของร่างที่แช่อยู่ได้
โอกาสชุบชีวิต เป็นไปได้แค่ไหน?
แม้จะมีวิธีรักษาสภาพเซลล์เอาไว้ได้ ทว่าขั้นตอนของการละลายความเย็นภายใต้อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียสนั้นยังคงไร้ความเสถียร เนื่องจากการประเมินเวลาของการละลายร่างที่ถูกแช่ด้วยความเย็นจัดมาช่วงระยะหนึ่งค่อนข้างมีความคลาดเคลื่อนอยู่มาก และนี่ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การชุบชีวิตมนุษย์ด้วยการแช่แข็งยังคงไร้วี่แววประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีแช่แข็งมนุษย์ไว้ด้วยว่า สิ่งสำคัญคือต้องดูก่อนว่าเซลล์สมองของร่างนั้นยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะหากแกนสมองได้ตายไปแล้วก็ไม่มีทางใดที่จะชุบชีวิตให้ตื่นขึ้นมาได้อีกครั้งแน่ ๆ
และโดยส่วนมากเทคโนโลยีการแช่แข็งเพื่อดำรงเซลล์เอาไว้ก่อนจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการกำเนิดชีวิตต่อไปจะใช้กับการแช่แข็งเซลล์ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวหรือเซลล์กลุ่มอย่างการแช่สเปิร์มแช่แข็งไข่หรือแช่สเปิร์มและไข่ที่มีการผสมแล้วแต่ยังไม่พร้อมนำมาผ่านกระบวนการตั้งครรภ์ ซึ่งก็จะนำมาแช่แข็งเพื่อรอเวลานำไปปฏิสนธิในภายหลังมากกว่า
สรุปให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกนิดก็คือ เทคโนโลยีแช่แข็งมนุษย์เพื่อรอวันฟื้นคืนชีวิตนั้นมีอยู่จริง และมีคนทำมาแล้วด้วยค่ะ แต่ถ้าถามว่าประสบผลสำเร็จหรือยัง ตรงนี้ตอบได้เลยว่ายังไม่มีรายงานจากแหล่งใดให้ได้ฮือฮาเลยว่า การแช่แข็งมนุษย์เป็นแนวทางการช่วยชุบชีวิตคนให้กลับมามีลมหายใจอีกครั้งได้จริง ทว่านี่ก็นับเป็นความหวังทางการแพทย์ที่ยังคงน่าสนใจและเชื่อว่าใครหลายคนก็ภาวนาอยากให้ปาฏิหาริย์นี้เกิดขึ้นในเร็ววัน
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!! กระทู้เด็ดน่าแชร์