ซึ่งสาเหตุของการผายลมนั่นมาจาก จากกรดไขมันที่มีน้ำหนักโมเลกุลน้อย เช่น กรดบิวไทริก (ให้กลิ่นเหมือนกลิ่นหืนของเนย), สารประกอบกำมะถัน, โปรตีน และ สารประกอบที่มีในถั่วประเภท oligosaccharide ชนิด alpha-galactoside ซึ่งร่างกายของมนุษย์ไม่มีเอ็นไซม์ย่อยได้ จึงถูกส่งต่อไป จนถึงลำไส้ใหญ่แล้วหมักหมมที่นั่น จนจุลินทรีย์ในลำไส้จึงทำการเปลี่ยนน้ำตาลเป็นแก๊สที่มีกลิ่น เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือแก๊สไข่เน่า และ กลิ่นเหม็นของลมที่ถูกผายออกมานั้นก็มีสาเหตุมาจาก แก๊สไข่เน่า นี่เอง
ผายลมแบบมีกลิ่น อาจช่วยป้องกันโรค จริงหรือ ?
สารนี้ได้ถูกนำมาทดลองกับเซลล์ทีป่วย และพบว่า แก๊สส่งสัญญาณไปยังไมโทคอนเดรีย (mitocondria) ของเซลล์ที่กำลังอ่อนแอด้วยโรคซึ่งมีความเสียหายอย่างรุนแรง ทำให้เซลล์กลับมามีชีวิตได้กว่า 80% ซึ่งไมโทคอนเดรียนั้น เปรียบเสมือนแหล่งพลังงานของเซลล์ เนื่องจากเป็นอวัยวะที่ใช้ผลิต ATP ให้เซลล์ใช้เป็นพลังงาน หากเจ้าตัวไมโทคอนเดรียมีปัญหาก็จะทำให้เซลล์ป่วยหรือตายได้ ซึ่งนั่นก็นำไปสู่การเกิดโรคในสิ่งมีชีวิตนั่นเอง ดร. แมททิว ได้กล่าวว่า "สิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งสำคัญชนิดใหม่และมีประสิทธิภาพในการรักษามนุษย์ก็เป็นได้"
ดร.มาร์ก วูด (Dr. Mark Wood) จากคณะ Biosciences จาก the University of Exeter เพิ่มเติมว่า "แม้ว่าไฮโดรเจนซัลไฟด์จะเป็นที่น่ารังเกียจ แต่กลิ่นแก๊สไข่เน่านี้สามารถผลิตได้ในร่างกายของมนุษย์และเป็นฮีโร่ที่จะรักษาโรคได้หลายโรคในอนาคต"
สำหรับการทดลองกับสิ่งมีชีวิต หน่วยวิจัย Slovak Research and Development Agency ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nitric Oxide Journal พบว่า การให้สาร AP39 ในสัตว์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง จะมีผลให้หัวใจเต้นช้าลง ความดันโลหิตลดลง และหลอดเลือดแข็งแรงขึ้นได้
แต่ในส่วนของการทดลองในมนุษย์ ดร.แมททิว กล่าวว่า
"เรากำลังอยู่ในขั้นตอนแรกเริ่ม จนถึงขณะนี้เราได้ประสบความสำเร็จในการนำสารไฮโดรเจนซัลไฟด์เข้าไปให้ถูกจุดในเซลล์และกระตุ้นให้ร่างกายผลิตแก๊สนี้ได้เองโดยธรรมชาติ กระบวนการของการรักษานั้นอาจเป็นการปิดกั้นช่องทางของแคลเซียมในหัวใจที่ทำให้การเต้นเป็นปกติและทำให้ช้าลง ซึ่งยารักษาโรคนี้ในปัจจุบันก็ป้องกันช่องทางนี้โดยให้ผลใกล้เคียงกัน แต่ใช้ปริมาณมากกว่าถึง 10 เท่า"
โดยขณะนี้ ทีมวิจัย ของ ดร.วูด และ ดร.แมททิวได้รว่มมือกันทำการศึกษาผลของ AP39 ในตัวอย่างโรคหัวใจและหลอดเลือดอื่นๆ เช่น โรคหัวใจเต้นไม่เป็นปกติและโรคหัวใจล้มเหลว
ในรายงานบอกแต่เพียงว่าสารไฮโดรเจนซัลไฟด์ สามารถกระตุ้นการทำงานของไมโทคอนเดรียให้เป็นปกติได้ แต่ไม่ได้พูดถึงการรับสารไฮโดรเจนซัลไฟด์มาจากแหล่งภายนอกเช่น จากการสูดดม แต่อย่างใด ดังนั้น ใครที่บอกคุณให้ไปสูดกลิ่นผายลมเพื่อรักษาโรค คุณคงต้องพิจารณาความหวังดีของเขาใหม่ซะแล้วล่ะค่ะ
**********************
ผู้เขียน: อันดา
ผู้ช่วยวิจัย/นิสิตปริญญาเอก
สาขา Polymer Science
The Petroleum and Petrochemical College
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่มา:
http://www.vcharkarn.com/varticle/44229
http://time.com/2976464/rotten-eggs-hydrogen-sulfide-mitochondria/
http://www.news-medical.net/news/20150129/AP39-compound-could-help-lower-heart-rate-blood-pressure-and-blood-vessel-stiffness.aspx
http://www.iflscience.com/health-and-medicine/can-smelling-farts-cure-cancer
http://www.exeter.ac.uk/news/research/title_393168_en.html
รูปภาพจาก:
http://www.pyroenergen.com/articles13/flatulence-foul-smell.htm
http://pubs.rsc.org/services/images/RSCpubs.ePlatform.Service.FreeContent.ImageService.svc/ImageService/image/GA?id=C3MD00323J
CR::: vcharkarn.com