เสียงเตือนครั้งใหญ่!! ใกล้หมดเวลาของมนุษยชาติแล้วน้ำจะท่วมโลก?
ภาวะโลกร้อนนี้เองได้สะท้อนผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศชัดเจนและเห็นได้ชัด ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของทวีปที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งอย่างทวีปอาร์กติกและแอนตาร์กติกาอย่างเห็นได้ชัด เช่น การ "ละลาย" ของ "แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกใต้" ส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งลาร์เซน ซี (Larsen C) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกมา แตกออกจากแผ่นหลัก จนหลายคนต่างตื่นตกใจว่า นี่อาจเป็น สัญญาณเตือนน้ำจะท่วมโลก??
นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ทำการบันทึกจากดาวเทียมสำรวจขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซา (NASA) ช่วงต้นเดือนมีนาคม 2017 ที่ผ่านมา น้ำแข็งที่ปกคลุมทั่วอาร์กติก (พื้นที่ในบริเวณขั้วโลกเหนือ) และทวีปแอนตาร์กติกา (ทวีปที่อยู่รอบขั้วโลกใต้) เข้าสู่ขั้นละลายอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งได้รับข้อมูลสนับสนุนมาจากศูนย์ข้อมูลหิมะและน้ำแข็งแห่งชาติ (National Snow and Ice Data Center) ในโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ซึ่งทำการสำรวจเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา และพบว่าน้ำแข็งรอบแอนตาร์กติกามีระดับลดลงถึงขั้นต่ำสุดจากบันทึกของการสำรวจผ่านดาวเทียม
นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ยังเผยว่าน้ำแข็งยังมีค่าเฉลี่ยลดลง 2.8% ต่อ 1 ทศวรรษมาตั้งแต่ปี 1979 ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มบันทึกสถิติ หรือพูดง่ายๆ คือละลายลงมากที่สุดในรอบ 38 ปี
ขณะที่ตัวเลขของแอนตาร์กติกาในปีนี้ ระดับน้ำแข็งในทะเลในระยะ 815,000 ตารางไมล์ (2.11 ล้านตารางกิโลเมตร) เคยลดลงเหลือน้อยที่สุดอยู่ที่ 71,000 ตารางไมล์ (184,000 ตารางกิโลเมตร) ซึ่งมีค่าต่ำกว่าการบันทึกข้อมูลของดาวเทียมที่วัดครั้งแรกในปี 1997
"ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน (2016) เป็นต้นมา ปริมาณน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกาอยู่ในระดับต่ำสุดจากบันทึกของดาวเทียม" นาซาเผย
"ทั้งในทะเลอาร์กติกและแอนตาร์กติกา มีความแปรปรวนมากในแต่ละปี แต่โดยรวมแล้วจนถึงปีที่ผ่านมาอย่างแอนตาร์กติกามีปริมาณน้ำทะเลมากขึ้นทุกเดือน เห็นได้ชัดจากปีที่แล้ว" แคลร์ พาร์กินสัน (Claire Parkinson) นักวิจัยอาวุโสของนาซา Goddard กล่าว
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังคงไม่แน่ใจว่าค่าต่ำสุดที่วัดได้ในแอนตาร์กติกานี้หมายความว่าอย่างไร เพราะเชื่อว่าการยืนยันถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนั้นจำเป็นจะต้องมีข้อมูลจากหลายแหล่งมายืนยันพร้อมกัน