งดเหล้าเข้าพรรษาไม่ยั่งยืน เพราะกลับมาเมาต่อ

"งดเหล้า เข้าพรรษา" เพื่อรณรงค์ลดการบริการโรคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา ว่า มีส่วนช่วยให้คนไทย ว่างเว้นจากการเมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน อย่างไรก็ตาม ในช่วงออกพรรษา อาจส่งผลให้ "คอสุรา" หลายคนกลับมามีพฤติกรรมการดื่มเช่นเดิม

          จากการสำรวจสภาวะสุขภาพอนามัยของประชาชนในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา พบว่าจำนวนผู้ชายที่ดื่มแอลกอฮอล์มีมากกว่าผู้หญิง 3 เท่า หรือคิดเป็นร้อยละ 74 ของผู้ชายทั่วประเทศ และร้อยละ 35 ของผู้หญิงทั่วประเทศ ในจำนวนนี้มีพฤติกรรมการดื่มที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งตามระดับความเสี่ยงของการดื่ม 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ดื่มอย่างมีสติ - ดื่มปริมาณน้อยในระดับที่ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ และกลุ่มที่ดื่มอย่างอันตรายถึงอันตรายมาก - ดื่มอย่างหนักในแต่ละครั้ง ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ และอันตรายทางสังคม

          "ปริมาณที่เหมาะสมต่อการดื่มและไม่อันตายต่อสุขภาพ ในผู้ชายไม่ควรดื่มเกินวันละ 40 กรัม หรือเทียบเท่ากับเบียร์ 3 กระป๋อง ส่วนผู้หญิงไม่ควรดื่มเกิน 20 กรัมต่อวัน หรือประมาณเบียร์ 2 กระป๋อง เนื่องจากผู้หญิงจะมีการดูดซับแอลกอฮอล์ได้ดีกว่าผู้ชาย" นักวิจัย สวรส. กล่าว

          อย่างไรก็ตาม สถิติที่น่าจับตามองคือ กลุ่มที่ดื่มอย่างอันตรายหรือดื่มอย่างหนักในแต่ละครั้งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยพบว่าจะเกิดโรคต่างๆ มากมาย เช่น ตับแข็ง มะเร็งตับ มะเร็งทางเดินอาหาร ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองแตก เป็นต้น อีกทั้งยังส่งผลถึงอุบัติเหตุจราจร และเกิดความรุนแรงในสังคม

          ดังนั้น แม้เทศกาล "งดเหล้า เข้าพรรษา" จะผ่านไปแล้ว ผู้ดื่มควรดื่มอย่างมีสติ ควรคำนึงถึงสุขภาพของตัวเอง และความปลอดภัยของคนรอบข้าง ที่สำคัญต้องยึดหลัก “เมาไม่ขับ” เพื่อให้สังคมไทยมีสวัสดิภาพและมีความปลอดภัย

ข้อมูลจาก  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ภาพประกอบจาก http://www.stopdrink.com/