เปิดตำนานปีศาจตรุษจีน
อสุรสัตว์ที่ว่านี้มีนามกรว่า “เหนียน” บางตำนานว่ามันอาศัยอยู่ในป่าทึบ แต่บางตำนานก็บอกว่ามันเป็นสัตว์ในทะเล แหม ก็ตำนานเหล่านี้มีมาแต่โบราณกาลแล้วนี่ ก็อาจแตกต่างผิดเพี้ยนกันไปบ้าง แต่ที่ตรงกันคือมันเป็นสัตว์ดุร้ายมาก ชอบออกมาจับกินวัวควาย สัตว์เลี้ยงตลอดจนถึงผู้คน ทำให้ชาวบ้านหวาดผวายิ่งนัก ทว่ายังดีที่ปีหนึ่งมันจะโผล่มาอาละวาดแค่วันเดียว อันเป็นวันสิ้นปี นับว่าเทพประทานอนุญาตให้แค่นั้น
ด้วยเหตุฉะนี้ พอถึงวันสิ้นปี ชาวบ้านก็จะปิดประตูหน้าต่างมิดชิดโดยสะสมเสบียงอาหาร และจะไม่ออกจากบ้านจนกว่าปีใหม่จะผ่านพ้นไป หลายรายอุ้มลูกจูงหลานไปซ่อนตัวอยู่ในป่าหรือบนภูเขาให้พ้นภัยจากปีศาจเหนียน ซึ่งว่ากันว่ารูปร่างมันน่ากลัว ที่หัวมีขนรุงรังอสุรสัตว์ "เหนียน"
กระทั่งในปีหนึ่ง ได้มีขอทานเฒ่าผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นในหมู่บ้าน ไว้หนวดเคราขาว ใบหน้าสดใสมีเลือดฝาด ตาเป็นประกาย เรียกว่าท่าทางภูมิฐานมีวิชาอาคม แต่ชาวบ้านมิได้สนใจขอทานเฒ่า เพราะต่างคนก็มัวแต่เก็บข้าวของหนีภัยเจ้าอสุรสัตว์ร้าย มีแต่เพียงยายแก่คนเดียวที่ให้ขอทานเฒ่ากินอาหารและพำนักอาศัยในบ้าน แต่ตัวยายแก่เองก็กลับหนีไปอาศัยอยู่บนเขาตกกลางคืน ปีศาจหรืออสุร–สัตว์เหนียนก็มาเยือนตามปกติของวันสิ้นปี มันพบว่าบ้านส่วนใหญ่เงียบเชียบราวกับบ้านร้าง แต่มีอยู่หลังหนึ่งซึ่งมีกระดาษแดงแปะอยู่เหนือประตู แถมในบ้านยังมีแสงเทียนสว่างไสว พอเห็นดังนั้นมันก็ตกใจจนตัวสั่น แต่ฉับพลันมันก็กลับวิ่งรี่เข้าใส่บ้านนั้นอย่างโกรธแค้น ทว่าเจ้าปีศาจก็ต้องเผชิญกับเสียงประทัดดังปึงปังสว่างไสว ทำให้มันต้องร้องลั่นด้วยความหวาดกลัวและเผ่นหนีออกจากหมู่บ้านไปโดยไม่หวน คืนกลับมาอีกเลย โดยมีขอทานเฒ่ายืนมองหัวเราะชอบใจอยู่เบื้องหลัง และตั้งแต่นั้นมา ชาวบ้านก็รู้ว่าอันที่จริงเจ้าปีศาจนั้นกลัวสีแดงแสงไฟ และเสียงดัง พอถึงวันสิ้นปี แต่ละบ้านก็จะประดับบานประตูด้วยกระดาษแดง แขวนโคมไฟสีแดง และมีการจุดประทัดกันสนั่นหวั่นไหวเกรียวกราว เพื่อขับไล่เจ้าปีศาจเหนียนนั่นเอง เมื่อคืนสิ้นปีผ่านไปโดยปลอดภัยอันตราย ชาวบ้านก็ออกมาฉลองวันปีใหม่กันอย่างคึกคัก แสดงความยินดีต่อกัน และไปเยี่ยมเยือนญาติสนิทมิตรสหาย จนกลายเป็นประเพณีสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้
และเพื่อให้ในวันตรุษจีนนี้มีสิริมงคลยิ่งขึ้น จึงได้มีธรรมเนียมอื่นๆ ประกอบตามขึ้นมาอีกสำหรับปฏิบัติในเทศกาลตรุษจีน
อาทิ จะต้องทำตัวดีๆ ไม่พูดคำหยาบคาย หรือคำที่เกี่ยวข้องกับความตาย ภูตผีปีศาจ หาแต่ถ้อยคำอันเป็นมงคลมาพูดกัน เด็กๆทั้งหลายย่อมไม่ร้องไห้งอแงและไม่ซุกซน (ไม่งั้นจะโดนหวดก้น) แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน โดยเฉพาะที่เป็นสีแดง แต่ก็แปลกที่ห้ามสระผมในวันนี้ รวมทั้งยังมีข้อห้ามอื่นๆอีกบางประการด้วย เช่นว่า ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น ดังนั้น คนป่วยก็จะต้องออกมารับแขกนอกห้องนอนไม่ควรใช้ของมีคมอย่างมีดหรือกรรไกร (ถ้าพลาดพลั้งเป็นแผลก็จะไม่เป็นมงคลสำหรับวันสำคัญเยี่ยงนี้)
ว่าไปแล้ว การทำตัวดีๆ นี้ก็เป็นธรรมเนียมของเทศกาลปีใหม่ทุกหนแห่ง ดูอย่างวันคริสต์มาสของฝรั่งก็ยังมีคำสอนอยู่ในเนื้อเพลง “ซานตาคลอสมาเยี่ยมเมือง (Santa Claus is coming to Town)” ที่ว่า “You better watch out. You better not cry. You better not pout. I’m telling you why. Santa Claus is coming to Town.” แปลคร่าวๆ ได้ว่า “หนูๆ จะต้องระมัดระวังตัวให้ดี อย่าร้องไห้ อย่าทำหน้าเง้าหน้างอ ทำไมรู้มั้ย เพราะซานตาคลอสกำลังจะเข้ามาในเมืองของเราน่ะซี เดี๋ยวอดได้ของขวัญปีใหม่จากซานตานะ จะบอกให้" ประเพณีแห่มังกรในเทศกาลตรุษจีน
ส่วนของขวัญที่จะมอบให้กันในวันตรุษจีนนั้น ก็ได้แก่ ซองสีแดงๆ บรรจุเงินไว้ข้างในที่เรียกว่า “อั่งเปา” สำหรับผู้ใหญ่มอบให้ผู้น้อย หรือถ้าหากผู้ใหญ่ลืมให้ ลูกหลานก็อาจร้องเตือนว่า “แตะเอียหน่อยคร้าบ/ค่ะ” ที่จริง“แตะเอีย” นั้นแปลว่า “ผูกเอว” กล่าวคือ สมัยโบราณนั้นเงินเหรียญจะมีรูตรงกลาง เมื่อให้หลายๆอันก็จะเอาเชือกแดงร้อยไว้ ซึ่งเด็กก็จะเอามาผูกเอว จึงเรียกกันมาตามนั้น
สำหรับเทศกาลตรุษจีนของไทยเรานั้น มีธรรมเนียมถือปฏิบัติอยู่ 3 วัน ได้แก่
วันจ่าย คือก่อนจะถึงวันสิ้นปี จะออกไปหาซื้ออาหารและเครื่องดื่มเซ่นไหว้ต่างๆ มาเตรียมไว้ เพราะถ้าช้าเกินไปจะหาซื้อไม่ได้ เนื่องจากบรรดาร้านค้าทั้งหลายจะปิดยาวตลอดเทศกาล
วันไหว้ แบ่งเป็น เช้ามืด-จะไหว้เทพเจ้าต่างๆตอนสาย-ไหว้บรรพบุรุษ และ ตอนบ่าย-ไหว้พี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว ประเพณีการจุดประทัดนั้นมีที่มาจากการขับไล่ปีศาจ
วันเที่ยว คือวันขึ้นปีใหม่ ที่จะต้องฉลองรื่นเริง ซึ่งนอกจากไปเที่ยวตามที่ต่างๆแล้วก็ยังถือโอกาสไปกราบไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ ที่เคารพนับถืออีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก :: ตำนาน คดีดัง | นิตยสาร ต่วย'ตูน
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!