เปิดตำนาน!! นักโทษ ประหารด้วยการ ยิงเป้า รายที่ ๕ ของไทย

น.ช.เขียว,บัวเขียว จ้อยขำ อายุ ๓๒ ปี หมายเลขประจำตัว ๓๑๙๑/๘๐ คดีปล้นและฆ่าเจ้าทรัพย์ตาย ศาลจังหวัดนครนายกตัดสินตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๐๑ และ มาตรา ๒๕๐ ข้อ ๕

วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๗ เวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ มีคนร้ายสามคนใช้ปืน มีด และไม้ตะพดเป็นอาวุธ บุกเข้าปล้นนายเลี่ยงคิมและนางรุนซึ่งจอดเรืออยู่ในคลองบางหอยหน้าบ้านนายอินพ่อของนางรุน โดยทำร้ายร่างกายนายเลี่ยงคิมและนางรุนเพื่อให้บอกที่ซ่อนทรัพย์สิน แต่เมื่อคนร้ายเผลอนางรุนได้กระโดดน้ำหนีไปได้ คนร้ายจึงถอยเรือของนายเลี่ยงคิมไปจอดฝั่งคลองตรงข้าม แล้วรื้อค้นเรือกวาดเก็บทรัพย์สินรวมมูลค่าทั้งสิ้น ๘๓ บาท จากนั้นพากันขึ้นบกเพื่อหลบหนี

ขณะที่คนร้ายกำลังปล้นเรือของนายเลี่ยงคิมอยู่นั้น นายอินพ่อของนางรุนเมื่อรู้ว่าลูกสาวและลูกเขยถูกโจรปล้นจึงได้ร้องตะโกนให้ชาวบ้านช่วยอยู่ที่ข้างเรือน คนร้ายได้ใช้ปืนยิงใส่นายอิน ๒ นัด กระสุนถูกร่างนายอินล้มลง นางไรเมียของนายอินรีบเข้าประคองร่างเพื่อช่วยเหลือ แต่นายอินได้ขาดใจตายคาที่ไปแล้ว ส่วนคนร้ายก็พากันหลบหนีไป

ขณะเกิดเหตุเป็นวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๙ เวลาประมาณเที่ยงคืน ทำให้มีแสงเดือนส่องสว่างมองเห็นได้ชัด นางไรเมียของนายอินซึ่งหลบดูเหตุการณ์อยู่ที่ข้างเสาเรือน และนายเทิ้มซึ่งอยู่บ้านใกล้กันอีกหลัง นางรุนซึ่งกระโดดหนีไปลอยคออยู่ในน้ำ ได้มองเห็นใบหน้าคนร้ายทั้งสามอย่างชัดเจนและจำหน้าได้ว่าเป็นคนรู้จักกัน ชื่อนายเขียวหรือบัวเขียว จ้อยขำ นายย้อย เนื่องจากจ้อย และนายอ่อน ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งนายเขียวเป็นผู้ใช้ปืนยิงนายอินจนถึงแก่ความตาย

ต่อมาตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายเขียวและนายย้อยมาดำเนินคดีตามกฎหมาย มีเพียงนายอ่อนที่หลบหนีไปได้ นายเขียวและนายย้อยให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และสู้คดีในชั้นศาล

ศาลจังหวัดนครนายกเห็นว่าพยานทั้งหมดให้การสอดคล้องต้องกัน จึงเชื่อได้ว่านายเขียวและนายย้อยเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์นายเลี่ยงคิมกับนางรุนจริง รวมทั้งนายเขียวเป็นผู้ยิงนายอินจนถึงแก่ความตายเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน จึงพิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิตนายเขียว จ้อยขำ และให้จำคุกนายย้อย เนื่องจากจ้อย มีกำหนด ๒๐ ปี กับให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๘๓ บาท แก่เจ้าทรัพย์ ถ้าไม่ใช้ให้จัดการตามมาตรา๑๘ (ไม่ทราบว่ามาตรา๑๘ ของกฎหมายลักษณะอาญาระบุว่าอย่างไร หากค้นหามาได้จะนำมาลงให้เรียนรู้อีกครั้ง)

น.ช.เขียวและ น.ช.ย้อย ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล และยังคงให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาเช่นเดิม ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

น.ช.เขียวและน.ช.ย้อย ได้ยื่นฎีกาต่อศาล เพื่อสู้คดีอีกครั้งตามสิทธิ์

วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๔๗๙ ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้วเห็นว่าพยานโจทย์ฟังเป็นความจริงได้โดยปราศจากข้อสงสัย พยานของน.ช.เขียวและน.ช.ย้อย ไม่มีน้ำหนักหักล้าง ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยชอบแล้ว ฎีกาจำเลยไม่มีทางชนะคดีโจทย์ ให้ยกเสีย พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์

น.ช.เขียวและน.ช.ย้อย ได้ถวายฎีกาทูลเกล้าฯ เพื่อขอพระราชทานลดโทษ และรอผลการพิจารณาอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง

วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๑ หนังสือแจ้งยกฎีกาได้ส่งกลับมาที่เรือนจำกลางบางขวาง จึงได้ทำการประหารชีวิต น.ช.เขียว จ้อยขำ เมื่อเวลา ๐๖.๕๕ น.

นายทิพย์ มียศ เป็นผู้ทำหน้าที่เพชฌฆาตในการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าครั้งนี้




ที่มา : social.upyim.com

เปิดตำนาน!! นักโทษ ประหารด้วยการ ยิงเป้า รายที่ ๕ ของไทย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์