ดังที่กล่าวมาแล้ว ทั้งสองไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่ หาเรื่องชิงดีชิงเด่นกันอยู่เสมอ ถึงแม้จะเป็นพี่น้องกันก็ตามเถอะ ก็อย่างว่าแหละนะระหว่างเมียหลวงกับเมียน้อยมักจะเป็นเช่นนี้เสมอท่านใดมีประสบการณ์อย่างที่ว่าช่วยเขียนมาเล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานด้วย ผมจะเก็บไว้เป็นกรณีเพื่อศึกษา อ้าว...เข้าเรื่องต่อ อยู่มาวันหนึ่งทั้งสองพนันกันว่า ม้าของพระอาทิตย์สีอะไร ใครทายผิดจะตกเป็นทาสของอีกฝ่าย นางวินตาทาว่าสีแดง ส่วนนางกัทรุทายว่าสีดำ ความจริงทั้งสองทายผิดเพราะม้าของพระอาทิตย์มีสีเทาด่างขาว แต่นางกัทรุที่มีลูกเป็นนาคนี้แหละ กลัวทายผิดจึงให้ลูกไปพ่นพิษเป็นสีม้าให้กลายเป็นสีดำ ในที่สุดนางวินตาจึงแพ้พนันเพราะกลโกง จึงยอมตกเป็นทาสของนางกัทรุตามข้อตกลง
ฝ่ายครุฑนั้นเมื่อโตขึ้นก็ไปขอตกลงกับพวกนาคว่าทำอย่างไรแม่ของตนจึงจะพ้นจากการเป็นทาส พวกนาคได้ทีจึงบอกว่าให้ไปเอาน้ำอมฤตมา ว่ากันว่าน้ำอมฤตนี้ใครดื่มแล้วจะไม่ตาย แต่การไปโขมยน้ำนี้จากเหล่าเทพไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้ว่าภาระกิจนี้ไม่ง่ายสำหรับครุฑ แต่ก็ยอมรับปากเพราะต้องการจะช่วยแม่ของตน เริ่มแรกครุฑบินไปเอาพระจันทร์มาซ่อนไว้ใต้ปีก ขณะบินกลับเจอพระอินทร์จึงต่อสู้กัน พระอินทร์สู้ไม่ไหวจึงให้พระนารายณ์มาช่วย ทั้งสองสู้กันเป็นเวลานานไม่มีใครแพ้ใครชนะจึงยุติการสู้รบมาทำการตกลงกัน โดยมีนัยว่าเวลาชุมนุมเหล่าเทพครุฑต้องนั่งสูงกว่า แต่เวลาเดินทางครุฑต้องเป็นพาหนะให้พระนารายณ์ เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วจึงวางแผนที่จะเอาน้ำอมฤตคืนแกพระอินทร์ แต่ครุฑต้องนำน้ำนี้ไปไถ่ตัวแม่ก่อน ครั้งนี้ครุฑเล่นตุกติกบ้าง พอเวลาวางหม้อน้ำลงให้พระอินทร์ซึ่งแอบตามไปห่าง ๆนำหม้อน้ำกลับคืนไปเลย ซึ่งตอนนั้นครุฑก็ได้แม่กลับคืนเรีบยร้อยโรงเรียนครุฑไปแล้ว
เมื่อกลับมาถึง ครุฑจึงวางหม้อน้ำลงบนหญ้าคา แล้วให้นาคปล่อยแม่ของตนและไปอาบน้ำชำระร่างกายก่อน ฝ่ายนาคหลงกลจึงปล่อยแม่ของครุฑ แล้วพากันไปอาบน้ำชำระร่างกายเพื่อให้บริสุทธิ์ก่อนดื่มน้ำอมฤต ระหว่างพวกนาคอาบน้ำนี่เอง พระอินทร์มาเอาน้ำกลับไป พวกนาคกลับมาไม่เห็นจึงพากันเลียหญ้าคาที่รองหม้อ หญ้าคาจึงได้บาดลิ้นจนเป็นแฉก กล่าวกันว่าตั้งแต่บัดนั้นมางูจึงมีลิ้นเป็นแฉก ดังปรากฎมาจนถึงบัดนี้