
7 เรื่องการค้นพบทางโบราณคดีที่น่าทึ่งแห่งปี 2017

1. สุสาน "ซานตาคลอส" อาจอยู่ที่ตุรกี
นักโบราณคดีตุรกีค้นพบหลุมฝังศพที่เชื่อว่าอาจเป็นสุสานของนักบุญนิโคลัสแห่งไมรา หรือที่ทั่วโลกนิยมเรียกขานกันในชื่อของ "ซานตาคลอส" ที่โบสถ์นักบุญนิโคลัสในเมืองเดมเรทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี
อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่ากระดูกของนักบุญนิโคลัสถูกนำออกไปจากเมืองไมราตั้งแต่ปี 1087 เพื่อหนีการรุกรานของกองทัพชาวเติร์ก และถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่โบสถ์ในเมืองบารีของอิตาลี แต่การค้นพบของนักโบราณคดีชาวตุรกีในครั้งนี้ ชี้ถึงความเป็นไปได้ว่ากระดูกของนักบุญนิโคลัสอาจยังคงอยู่ในที่เก็บแห่งเดิม ซึ่งจะได้มีการตรวจสอบภายในสุสานนี้กันต่อไป

ศาสตราจารย์ทอม ไฮแฮม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการของอ็อกซ์ฟอร์ดที่ตรวจหาอายุของกระดูกดังกล่าวบอกว่า แม้ผลการตรวจด้วยคาร์บอน-14 ไม่อาจทำให้ทราบได้ว่าเป็นชิ้นส่วนกระดูกของนักบุญนิโคลัสจริงหรือไม่ แต่การที่พบว่ามีอายุเก่าแก่ตรงกับช่วงชีวิตของ "ซานตาคลอส" ตัวจริงในประวัติศาสตร์ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่ากระดูกชิ้นนี้มีโอกาสเป็นของจริงมากกว่ากระดูกชิ้นอื่น ๆ ที่มักพบว่าเป็นของทำเลียนแบบขึ้นในยุคหลัง
2. อียิปต์พบสุสานใหม่ใกล้หุบเขากษัตริย์และรูปปั้นฟาโรห์รามเสสที่สอง
นักโบราณคดีของอียิปต์ค้นพบสุสานโบราณแห่งใหม่หลายแห่งในหุบเขาใกล้เมืองลักซอร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ห่างจากกรุงไคโรไปทางตอนใต้ราว 700 กิโลเมตร
ห้องลับที่เก็บมัมมี่เหล่านี้อยู่ในสุสานดราอาบูลนากา (Draa Abul Naga) ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาศพของขุนนางชั้นสูงในยุคอาณาจักรใหม่ที่มีความเก่าแก่ราว 3,500 ปี ตั้งอยู่ใกล้หุบเขากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เก็บซ่อนพระศพของฟาโรห์ที่มีชื่อเสียง

การอ่านจารึกในบริเวณนี้ทำให้พบรายชื่อของผู้ตาย ซึ่งน่าจะมีสุสานตั้งอยู่ใกล้เคียงกันอีกหลายราย นักโบราณคดีจึงมีความหวังว่าน่าจะพบสุสานโบราณที่ซ่อนอยู่อีกจำนวนมากนอกจากนี้ ยังมีการค้นพบชิ้นส่วนรูปปั้นขนาดยักษ์ที่น่าจะมีอายุราว 3,000 ปี ใต้พื้นที่รกร้างว่างเปล่าในสลัมทางตะวันออกของกรุงไคโร โดยสันนิษฐานว่าเป็นรูปปั้นของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ซึ่งปกครองอียิปต์อยู่นาน 60 ปี และได้ขยายดินแดนอียิปต์ให้กว้างไกลออกไปมากขึ้นพื้นที่ซึ่งค้นพบรูปปั้นดังกล่าว ตั้งอยู่ใกล้เขตเมืองเก่าเฮลิโอโปลิส
โดยชิ้นส่วนลำตัวของรูปปั้นที่พบอยู่ในสภาพดี แม้จะจมอยู่ในโคลนใต้ดินมาเป็นเวลานานก็ตาม ทางกระทรวงโบราณคดีของอียิปต์ได้เคลื่อนย้ายรูปปั้นนี้ไปประกอบให้สมบูรณ์และตั้งแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงไคโรแล้ว
3. ดีเอ็นเอชี้ชาวเกาะอีสเตอร์ไม่ได้ก่อสงคราม-ทำลายสิ่งแวดล้อม
ผลวิเคราะห์ดีเอ็นเอจากโครงกระดูกของชาวราปานุย ซึ่งเคยเป็นผู้อยู่อาศัยกลุ่มใหญ่บนเกาะอีสเตอร์ในมหาสมุทรแปซิฟิกทางตอนใต้ พบว่าชาวราปานุยเผ่าต่าง ๆ ในอดีตไม่ได้รบราฆ่าฟันกันเองเพื่อแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ ตามที่นักโบราณคดีรุ่นก่อนได้สันนิษฐานไว้แต่อย่างใด

ผลการศึกษาใหม่เกี่ยวกับชาวราปานุยยังระบุว่า เรื่องการสู้รบระหว่างชนเผ่าในอดีตนั้นเป็นเพียงคำบอกเล่าของชนพื้นเมืองที่ชาวยุโรปบันทึกไว้เมื่อ 300 ปีก่อน ซึ่งขาดความน่าเชื่อถือ ในขณะที่การจับตัวคนพื้นเมืองไปขายเป็นทาส การบังคับย้ายถิ่นฐาน และโรคติดต่อที่มากับชาวยุโรป น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชากรชาวราปานุยลดลง
4. พบสุสานผู้นำนักรบไวกิ้งคนแรกที่เป็นหญิงผลการตรวจดีเอ็นเอและลักษณะของกระดูกที่พบในสุสานนักรบไวกิ้งยุคศตวรรษที่ 10 บนเกาะ Bjorko ของสวีเดน ยืนยันว่าเจ้าของโครงกระดูกดังกล่าวเป็นหญิง โดยสิ่งของที่อยู่ในหลุมฝังศพชี้ว่าเธอเป็นนักรบและบุคคลสำคัญระดับสูงที่มีบทบาทในการวางแผนและบัญชาการรบด้วย

คณะนักโบราณคดีผู้ขุดค้นหลุมฝังศพดังกล่าวบอกว่า พบอาวุธและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ สำหรับนักรบมืออาชีพอย่างครบถ้วนในหลุมฝังศพของนักรบหญิงไวกิ้งผู้นี้ ทั้งดาบ ขวาน หอก โล่ ลูกธนู และซากม้าที่เป็นพาหนะ นอกจากนี้ยังพบกระดานสำหรับเล่นเกมชนิดหนึ่งวางอยู่บนตักของเธอด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงว่าเธอคือผู้วางแผนยุทธศาสตร์ของกองทัพไวกิ้ง
5. เมืองที่สาบสูญของอเล็กซานเดอร์มหาราชการใช้โดรนสำรวจหาซากเรือจม หรือร่องรอยของโบราณสถานขนาดใหญ่เช่นเมืองทั้งเมืองที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน กำลังมาแรงในปีนี้ โดยล่าสุดมีการค้นพบเมือง Qalatga Darband ในพื้นที่เขตเคอร์ดิสถานของอิรัก ซึ่งคาดว่าเมืองนี้ก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช เมื่อราว 400 ปีก่อนคริสตกาล และมีชื่อเสียงในเรื่องการค้าไวน์มาก่อน แต่ชื่อของเมืองดังกล่าวก็ได้หายสาบสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์ในอีกไม่กี่ร้อยปีต่อมา

6. ลำรางส่งน้ำของโรมันที่เก่าแก่ที่สุด
เมื่อช่วงปลายปี 2016 บรรดาคนงานก่อสร้างซึ่งกำลังขุดอุโมงค์ เพื่อวางเส้นทางรถไฟใต้ดินสายใหม่ในกรุงโรมของอิตาลี ได้พบซากหักพังของลำรางส่งน้ำโบราณ (Aqueduct) ในยุคโรมัน ซึ่งในปีต่อมานักโบราณคดีได้พิสูจน์ทราบว่า ลำรางดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของลำรางส่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคโรมันโบราณ
ลำรางส่งน้ำที่พบดังกล่าวมีความยาว 32 เมตร และมีแนวขอบกั้นด้านข้างสูง 2 เมตร อยู่ลึกลงไปใต้ดิน 18 เมตร โดยคาดว่ามีอายุเก่าแก่ถึง 2,300 ปี และเป็นส่วนหนึ่งของ Aqua Appia ลำรางส่งน้ำในยุคโรมันที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่นักโบราณคดีในปัจจุบันทราบ โดยน่าจะสร้างขึ้นราว 312 ปีก่อนคริสตกาล
นักโบราณคดีจะได้ศึกษาซากสัตว์และเศษอาหารที่พบในลำรางส่งน้ำนี้ต่อไป เพื่อหาความรู้เรื่องสัตว์เลี้ยง อาหารการกิน โรคภัย และความเป็นอยู่ของชาวโรมันโบราณให้ได้มากยิ่งขึ้น
7. ฟรุตเค้กร้อยปีที่ทวีปแอนตาร์กติกาองค์กรอนุรักษ์มรดกแอนตาร์กติกทรัสต์ (Antarctic Heritage Trust) ค้นพบขนมเค้กผลไม้แห้งหรือ "ฟรุตเค้ก" สไตล์อังกฤษชิ้นหนึ่งที่มีอายุถึง 106 ปี ที่กระท่อมเก่าแก่หลังหนึ่งบนแหลมเคปอาแดร์ ในดินแดนอันหนาวเหน็บใกล้ขั้วโลกใต้ โดยเชื่อว่าฟรุตเค้กก้อนนี้เป็นอาหารที่เหลืออยู่ของกัปตัน โรเบิร์ต ฟอลคอน สกอตต์ นักสำรวจชาวอังกฤษที่รู้จักกันในฉายาว่า "สกอตต์แห่งดินแดนแอนตาร์กติก" นั่นเอง
แม้ว่ากระป๋องบรรจุฟรุตเค้กดังกล่าวจะมีสนิมเขรอะ แต่ผู้ค้นพบระบุว่าขนมยังอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม และกลิ่นก็บ่งบอกว่า "รับประทานได้"
ทั้งนี้ การใช้ชีวิตและทำงานในแอนตาร์กติกา ต้องอาศัยอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลปริมาณสูง ซึ่งฟรุตเค้กตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ยังไม่รวมถึงรสชาติที่เข้ากันดีหากว่าจะมีน้ำชาสักถ้วย

แม้กัปตันสกอตต์และเพื่อนร่วมคณะสำรวจชาวอังกฤษจะสามารถพิชิตขั้วโลกใต้ได้สำเร็จ แต่ก็ล่าช้ากว่าคู่แข่งจากคณะสำรวจชาวนอร์เวย์ ซึ่งล่วงหน้าไปก่อนแล้ว 33 วัน เรื่องที่น่าเศร้ากว่านั้น คือทีมนักสำรวจชาวอังกฤษเสียชีวิตทั้งหมดระหว่างการเดินทางกลับฐาน
Cr:: bbc.com/thai

Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday