“ย่านเจ้าฟ้าอยุธยา ในอังวะ “


“ย่านเจ้าฟ้าอยุธยา ในอังวะ “

*** เจ้านายผู้ชายและขุนนางอยู่ตรงไหนของอังวะ ***

ปรากฎหลักฐานชัดเจนสุดของการเป็นอยุธยาในเมืองมัณฑะเลย์ คือ ย่าน มินตาซุ โม่งตีซุ และ ยุไห่เซ ใกล้ๆกับพระมหามัยมุนี ครับ ชุมชนนี้ คือ เป็นย่านเจ้าฟ้า หรือ ย่านเจ้าชาย จากอยุธยา พระเจ้ามังระ พระราชทานที่ที่ให้ปลูกเรือนอยู่ในย่านนี้ หากนับเส้นทางจากอังวะมาถึง มินตาซุ ก็ไกลอยู่ แต่ก็ไม่มาก อาจจะเป็นเพราะแบ่งกลุ่มคนออกให้อยู่ในหลายกลุ่ม กลุ่มอำนาจดั้งเดิมจากอยุธยาก็คงให้อยู่ไกลออกไปหน่อย พร้อมให้สิทธิ์ในการประกอบอาชีพต่างๆอย่างอิสระ (การให้ไปอยู่ในย่านที่ไกลตาไม่ใช่ว่าจะไม่ส่งคนไปกำกับดูแลนะ ก็ต้องมีการควบคุมดูแล  ต่างๆตามถนัด ส่วนมากชุมชนย่านนี้ ค้าขาย และบางครอบครัวก็มีธิดา ได้เป็นบาทริจาริกาของพระเจ้าแผ่นดินอังวะครับ จึงปรากฎว่ามีเจ้านายพม่าถือเป็นเชื้อวงอยุธยาปรากฎอยู่ เมื่อครั้งที่ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ท่านเสด็จไปเที่ยวเมืองพม่า ก็ได้เฝ้ากับพระองค์เจ้าตะรังงา เจ้านายพม่าที่เชื้อชาวอโยดะยาจากชุมชนนี้ ซึ่งก็ปรากฎเชื้อสายมายังปัจจุบัน

***คนในชุมชนนี้ รู้ไหมว่ามาจากอยุธยา***

เขารู้ครับ รู้จากการบอกเล่าต่อๆกันมาว่าตัวเองเป็นกลุ่มคนจากอยุธยาครับ แต่ปัจจุบันเชื้อแท้ๆจากอยุธยานั้นแทบจะไม่เหลือแล้ว เพราะว่า กลุ่มนี้ทำธุรกิจค้าขาย และรับราชการต่างๆในพระเจ้าแผ่นดิน และคงย้ายถิ่นฐานกันไปบ้างเมื่อตอนอังกฤษเข้ามาครอบครอง ที่เหลืออยู่ปัจจุบันนี้ก็พอมีอยู่บ้างครับ แต่ไม่เยอะ

*** อะไรคือหลักฐานที่เหลือ ในชุมชนนี้***

หลักฐานที่ปรากฎในชุมชนนี้คือ เจดีย์ทราย ที่ก่อพระเจดีย์ดีทรายในเทศกาลสงกรานต์ครับ ทำต่อๆกันมาทุกปี ปีนี้ เป็นปีที่ 230 ปี แล้วครับ สภาพแรกเริ่มนั้นคือ เป็นเจดีย์ทรายธรรมดาทั่วไป แต่ตอนหลังๆได้นำปูนมาโบกไว้พร้อมกับมีจารึกเป็ยภาษาพม่าครับว่าใครเป็นคนสร้าง


**พระเจ้าอุทุมพร ได้ขอพระราชทานอนุญาต จากพระเจ้าปดุงทำบุญก่อพระเจดีย์ทราย ตามแบบอย่างกรุงศรีอยุธยา ซึ่งพระเจ้าปดุงก็อนุญาต และได้ทำบุญก่อพระเจดีย์ทรายสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน แต่สภาพตรงบริเวณนี้เป็นชุมชนเมืองไปแล้ว น่าจะเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ เจดีย์ทรายนี้ถูกโปกปูนไว้**
ชุมชนนี้เป็นชุมชนที่ชาวอยุธยาอยู่กันเยอะก่อนจะย้ายไปหมู่บ้านซูก้าหรือสุขขะอีกครับ เพราะว่า จากการบอกเล่าของคนในหมู่บ้านสุขขะบอกว่า บางส่วนได้ย้ายมาจากมินตาซุ และทำพิธีก่อพระเจดีย์ทรายเช่นกัน ซึ่งก็ยังทำอยู่ในปัจจุบัน โดยทำตอนแรกก็มีพระเจ้าอุทุมพรเสด็จมาเช่นกันครับ ซึ่งก็หลังจากที่อาศัยอยู่ มินตาซุ 10 ปี 
 
**ดังนั้นกลุ่มชุมชนบ้านสุขขะก็น่าจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเชื้อพระวงศ์บ้านพลูหลวงของอยุธยาเช่นกัน**


(ในสมัยนั้นคงจะเดินทางไปมาหาสู่กันเฉกเช่นเครือญาติครับ พระเจ้าอุทุมพรก็คงจะเป็นเสาหลักให้เชลยอยุธยา)

***มีข้าวของที่ติดตัวไปจากอยุธยาหลงเหลืออยู่ไหม***

สมัยนั้นเราถูกเกณฑ์ไปเป็นเชลยต่างเมืองครับ ของมีค่าต่างๆคงไม่หลงเหลือตกทอดมาให้ลูกหลานหรอกครับ เพราะว่า ถูกริบเก็บไปเป็นของกองกลางเข้ากองทัพอังวะหมด ไม่มีใครเหลืออะไรติดไม้ติดมือไปหรอก เหลือแค่ชีวิตก็นับว่าเป็นบุญ และได้ที่ทำกินใหม่ก็สร้างกันใหม่ครับ มีเพียงของมีค่าทางจิตใจเช่นพวกสิ่งเคารพก็พอได้หลงเหลือติดไปด้วยนั้นคือ เศียรพระราม ในชุมชนมินตาซุ ก็มีศาลพระรามนะครับ แต่ของเดิมพุพังไปแล้ว

“ย่านเจ้าฟ้าอยุธยา ในอังวะ “

ปัจจุบันนี้ทำขึ้นแบบใหม่สไตล์พม่าแล้วครับ ข้างของเครื่องใช้ในครัวเรือทุกอย่างทางชุมชนก็ทำขึ้นมาใหม่ครับ หอบติดตัวแรมปีไปอังวะก็เห็นจะยากอยู่ (ดังนั้นดาบประจำตระกูลของพี่หลวงเทพ จากละครสายโลหิต ก็ไม่มีทางจะหลงเหลือเช่นกัน)

ย่านมินตาซุ จึงเป็นย่านเจ้านายเชื้อวงศ์บ้านพลูหลวงจากอยุธยาปัจจุบันก็ยังหลงเหลืออยู่ให้ได้ตามหาอดีตกันครับ ปัจจุบันผู้คนทั้งหมดในชุมชนนี้ ก็ปะปนกันไปแล้ว เนื่องจากอยู่ย่านเกือบใจกลางเมือง หาอยุธยาแท้ๆหายากมากแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ปนหลายชาติพันธุ์

ความเป็นเจ้านายอยุธยาเมื่ออยู่อังวะ คงลดลงตามสถานภาพครับ ทุกๆพระองค์คงเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแผ่นดินใหม่เพื่อสืบเผ่าพงศ์ตัวเองให้คงอยู่ต่อไป เรื่องราวของฐานุศักดิ์จากกรุงศรีอยุธยาคงทิ้งไว้เป็นแต่เพียงอดีต อาจจะด้วยเพราะเดินทางมาไกล ทางฝั่งอยุธยาเองก็ก็มีผู้มีบุญเกิดใหม่ปกครองไพร่ฟ้าต่อมาจวบจนปัจจุบัน

“ย่านเจ้าฟ้าอยุธยา ในอังวะ “


“ย่านเจ้าฟ้าอยุธยา ในอังวะ “

เครดิตแหล่งข้อมูล : FB ปัณณพัทธิ์ คำนึง

“ย่านเจ้าฟ้าอยุธยา ในอังวะ “

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
ตามข่าวteenee.com จาก LineToday เข้าไปคลิ๊กกดติดตามได้เลย
กระทู้เด็ดน่าแชร์