เหมือนจนขนลุก ! ไอซ์-บุญเพ็ง ฆาตกรต่อเนื่องหีบศพ
อย่างที่ทราบกันดี ในช่วงเวลานี้ได้มีคดีสะเทือนอารมณ์ที่คนในสังคมต่างพูดถึงความสยองขวัญ และความโหดเหี้ยมเป็นอย่างมากของ “ไอซ์ หีบเหล็ก” หรือ นายอภิชัย องค์วิศิษฐ์ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่าหญิงสาวยัดหีบเหล็กใบใหญ่ฝังดินในบริเวณบ้าน
ยังไม่หมดเท่านั้นจากการตามผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังพบโครงกระดูกมนุษย์อีกจำนวนหนึ่ง ภายในบริเวณบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นคดีที่หลายๆคนยังให้การจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
แต่เชื่อว่าหลายๆท่านที่ได้เห็นข่าวนี้ อาจจะนึกถึงคดีประวัติศาสตร์ที่โด่งดังมากๆอีกคดีหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือ คดี “บุญเพ็ง หีบเหล็ก” ฆาตกรต่อเนื่องในประวัติศาสตร์อาชญากรรมประเทศไทย ที่แปลกใจคือ ทั้งคู่มีพฤติกรรมในการฆ่าเหยื่อ เลือกเหยื่อ และซ่อนศพที่คล้ายกัน โดยหากย้อนไปในประวัติศาสตร์
ยังไม่หมดเท่านั้นจากการตามผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังพบโครงกระดูกมนุษย์อีกจำนวนหนึ่ง ภายในบริเวณบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นคดีที่หลายๆคนยังให้การจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
แต่เชื่อว่าหลายๆท่านที่ได้เห็นข่าวนี้ อาจจะนึกถึงคดีประวัติศาสตร์ที่โด่งดังมากๆอีกคดีหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือ คดี “บุญเพ็ง หีบเหล็ก” ฆาตกรต่อเนื่องในประวัติศาสตร์อาชญากรรมประเทศไทย ที่แปลกใจคือ ทั้งคู่มีพฤติกรรมในการฆ่าเหยื่อ เลือกเหยื่อ และซ่อนศพที่คล้ายกัน โดยหากย้อนไปในประวัติศาสตร์
ตามประวัติได้เล่าว่า นายบุญเพ็ง เกิดที่เมืองท่าอุเทน มณฑลอุดร (ปัจจุบันเป็นอำเภอหนึ่ง ในจังหวัดนครพนม) โดยมีบิดาเป็นชาวจีน และมีมารดาเป็นชาวไทยอีสาน (ในสมัยนั้นจะเรียกว่า ชาวลาว) เมื่อมีอายุได้ประมาณ 5 ขวบ บุญเพ็ง ได้ย้ายมาพักอาศัยอยู่กับ ตาสุก และ ยายเพียร ที่กรุงเทพมหานคร
เมื่อ บุญเพ็ง เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็ได้บวชเป็นพระภิกษุ โดยได้จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ในขณะที่บวชเรียนนั้น พระบุญเพ็ง ได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์มนต์ดำ และโด่งดังมากในเรื่องของการทำเสน่ห์ยาแฝด และดูดวงแม่นยำ ด้วยความโด่งดังเรื่องนี้นี่เองทำให้ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ของพระบุญเพ็ง เป็นผู้หญิงและส่วนใหญ่จะมีฐานะดี ร่ำรวยเป็นเศรษฐี
พระบุญเพ็ง ถือได้ว่าเป็นพระนอกรีต แอบมีเพศสัมพันธ์ลับๆกับลูกศิษย์ที่เป็นสาวน้อยสาวใหญ่มากมาย แต่ความไม่กลัวในบาปในกรรมก็ไม่ได้หมดเพียงเท่านั้น พระบุญเพ็ง เกิดความโลภในทรัพย์สมบัติของเหยื่อ ที่ตนเองเสพสมอารมณ์ด้วยจึงนำไปสู่การฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในเวลาต่อมาโดยตามประวัติศาสตร์ที่หลายๆท่านทราบนั้น เหยื่อที่ บุญเพ็ง ฆ่ายัดหีบเหล็กมีมากถึง 7 ศพ
เมื่อ บุญเพ็ง เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็ได้บวชเป็นพระภิกษุ โดยได้จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ในขณะที่บวชเรียนนั้น พระบุญเพ็ง ได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์มนต์ดำ และโด่งดังมากในเรื่องของการทำเสน่ห์ยาแฝด และดูดวงแม่นยำ ด้วยความโด่งดังเรื่องนี้นี่เองทำให้ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ของพระบุญเพ็ง เป็นผู้หญิงและส่วนใหญ่จะมีฐานะดี ร่ำรวยเป็นเศรษฐี
พระบุญเพ็ง ถือได้ว่าเป็นพระนอกรีต แอบมีเพศสัมพันธ์ลับๆกับลูกศิษย์ที่เป็นสาวน้อยสาวใหญ่มากมาย แต่ความไม่กลัวในบาปในกรรมก็ไม่ได้หมดเพียงเท่านั้น พระบุญเพ็ง เกิดความโลภในทรัพย์สมบัติของเหยื่อ ที่ตนเองเสพสมอารมณ์ด้วยจึงนำไปสู่การฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในเวลาต่อมาโดยตามประวัติศาสตร์ที่หลายๆท่านทราบนั้น เหยื่อที่ บุญเพ็ง ฆ่ายัดหีบเหล็กมีมากถึง 7 ศพ
แต่ตามหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ค้นพบนั้น มีเพียงแค่ 2 ศพเท่านั้น ที่บุญเพ็งฆ่าและยัดใส่หีบเหล็กถ่วงน้ำ
โดย ศพแรกที่พบก็คือ เศรษฐีเพชรพลอย ชื่อนายล้อม ซึ่งพระบุญเพ็งได้ลวงมาที่กุฏิ โดยพระบุญเพ็งได้ร่วมมือกับลูกน้องฆ่าเหยื่อเพื่อชิงทรัพย์ พร้อมกับหั่นศพเป็นชิ้นๆและยัดใส่หีบเหล็ก
เหยื่อรายที่ 2 เจ้าหน้าได้พบเจอหลักฐานซึ่งถือได้ว่าเป็นศพรายสุดท้ายของบุญเพ็ง ที่ทำให้เจ้าหน้าที่สาวไปถึงตัวบุญเพ็งได้ โดยเหยื่อเป็นเศรษฐีสาวใหญ่ที่สามีนอกใจ ชื่อว่านางปริก และมักจะมาให้พระบุญเพ็งช่วยเหลือ และแอบหลับนอนด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งเธอได้เกิดตั้งครรภ์ และต้องการที่จะให้พระบุญเพ็งรับผิดชอบ จนเกิดมีปากเสียงกันและถูกพระบุญเพ็งฆ่าอย่างเหี้ยมโหด โดยได้ลวงบีบคอเสียชีวิตในขณะที่กำลังมีสัมพันธ์สวาท และยัดศพใส่หีบเหล็กที่ให้ลูกน้องซื้อเตรียมไว้ ก่อนนำไปถ่วงน้ำเหมือนศพอื่นๆที่ผ่านมา
เมื่อหญิงสาวหลายรายในหมู่บ้านหายตัวไป ทำให้ชาวบ้านเริ่มเกิดความสงสัยในตัว พระบุญเพ็ง เนื่องจากหญิงสาวส่วนใหญ่ที่หายตัวไปอย่างปริศนานั้น มักจะมีความสนิทสนมกับ พระบุญเพ็ง และส่วนใหญ่ที่หายไปนั้นก็มักจะไปพบเจอกับพระบุญเพ็ง แต่ก็ไม่มีหลักฐานในการเอาผิดพระบุญเพ็ง
โดย ศพแรกที่พบก็คือ เศรษฐีเพชรพลอย ชื่อนายล้อม ซึ่งพระบุญเพ็งได้ลวงมาที่กุฏิ โดยพระบุญเพ็งได้ร่วมมือกับลูกน้องฆ่าเหยื่อเพื่อชิงทรัพย์ พร้อมกับหั่นศพเป็นชิ้นๆและยัดใส่หีบเหล็ก
เหยื่อรายที่ 2 เจ้าหน้าได้พบเจอหลักฐานซึ่งถือได้ว่าเป็นศพรายสุดท้ายของบุญเพ็ง ที่ทำให้เจ้าหน้าที่สาวไปถึงตัวบุญเพ็งได้ โดยเหยื่อเป็นเศรษฐีสาวใหญ่ที่สามีนอกใจ ชื่อว่านางปริก และมักจะมาให้พระบุญเพ็งช่วยเหลือ และแอบหลับนอนด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งเธอได้เกิดตั้งครรภ์ และต้องการที่จะให้พระบุญเพ็งรับผิดชอบ จนเกิดมีปากเสียงกันและถูกพระบุญเพ็งฆ่าอย่างเหี้ยมโหด โดยได้ลวงบีบคอเสียชีวิตในขณะที่กำลังมีสัมพันธ์สวาท และยัดศพใส่หีบเหล็กที่ให้ลูกน้องซื้อเตรียมไว้ ก่อนนำไปถ่วงน้ำเหมือนศพอื่นๆที่ผ่านมา
เมื่อหญิงสาวหลายรายในหมู่บ้านหายตัวไป ทำให้ชาวบ้านเริ่มเกิดความสงสัยในตัว พระบุญเพ็ง เนื่องจากหญิงสาวส่วนใหญ่ที่หายตัวไปอย่างปริศนานั้น มักจะมีความสนิทสนมกับ พระบุญเพ็ง และส่วนใหญ่ที่หายไปนั้นก็มักจะไปพบเจอกับพระบุญเพ็ง แต่ก็ไม่มีหลักฐานในการเอาผิดพระบุญเพ็ง
กระทั่งวันหนึ่งได้มีชาวบ้านทอดแหหาปลา แต่ปรากฏว่าได้หีบเหล็กใบหนึ่งขึ้นมา ซึ่งภายในหีบนั้นคือศพของมนุษย์ จนเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่าเป็นศพของ นางปริกเศรษฐีสาวใหญ่ที่สามีนอกใจ และหลักฐานทั้งหมดก็ถูกชี้ไปที่ พระบุญเพ็ง ซึ่งในขณะนั้นได้ลาสึกเป็น นายบุญเพ็ง และเตรียมจะแต่งงานกับหญิงสาวรายหนึ่ง
ข่าวการจับกุมนายบุญเพ็งครั้งนี้ถือว่าสะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก โดยชาวบ้านต่างเรียกว่า “บุญเพ็ง หีบเหล็ก”
ท้ายที่สุด นายบุญเพ็ง ถูกตัดสินประหารชีวิตที่ลานประหารวัดพลับพลาไชย ซึ่งตามประวัติศาสตร์ยังถือว่า นายบุญเพ็งเป็นนักโทษประหารด้วยการตัดศีรษะ เป็นคนสุดท้ายในประเทศไทยอีกด้วย
ในวันประหารชีวิตยังได้มีข่าวลือออกมาด้วยว่า เพชฌฆาตไม่สามารถตัดศีรษะของนายบุญเพ็งได้ในดาบเดียวเนื่องจากนายบุญเพ็งมีคาถาที่แกร่งกล้า แต่สุดท้ายเพชฌฆาตก็สามารถตัดศีรษะนายบุญเพ็งได้สำเร็จ ในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2462 ถือว่าเป็นการปิดฉากฆาตกรต่อเนื่องที่ถือว่าโด่งดังที่สุดในประเทศไทย
ในปัจจุบัน ได้มีการตั้งศาลบูชาบุญเพ็ง ณ วัดภาษี เขตวัฒนา โดยชาวบ้านต่างเรียกว่า “ศาลลุงบุญเพ็ง” และชาวบ้านแถวนั้นยังพูดปากต่อปากกันด้วยว่า หีบเหล็กทั้ง 7 ถูกฝังอยู่ที่ศาลแห่งนี้ด้วย
ข่าวการจับกุมนายบุญเพ็งครั้งนี้ถือว่าสะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก โดยชาวบ้านต่างเรียกว่า “บุญเพ็ง หีบเหล็ก”
ท้ายที่สุด นายบุญเพ็ง ถูกตัดสินประหารชีวิตที่ลานประหารวัดพลับพลาไชย ซึ่งตามประวัติศาสตร์ยังถือว่า นายบุญเพ็งเป็นนักโทษประหารด้วยการตัดศีรษะ เป็นคนสุดท้ายในประเทศไทยอีกด้วย
ในวันประหารชีวิตยังได้มีข่าวลือออกมาด้วยว่า เพชฌฆาตไม่สามารถตัดศีรษะของนายบุญเพ็งได้ในดาบเดียวเนื่องจากนายบุญเพ็งมีคาถาที่แกร่งกล้า แต่สุดท้ายเพชฌฆาตก็สามารถตัดศีรษะนายบุญเพ็งได้สำเร็จ ในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2462 ถือว่าเป็นการปิดฉากฆาตกรต่อเนื่องที่ถือว่าโด่งดังที่สุดในประเทศไทย
ในปัจจุบัน ได้มีการตั้งศาลบูชาบุญเพ็ง ณ วัดภาษี เขตวัฒนา โดยชาวบ้านต่างเรียกว่า “ศาลลุงบุญเพ็ง” และชาวบ้านแถวนั้นยังพูดปากต่อปากกันด้วยว่า หีบเหล็กทั้ง 7 ถูกฝังอยู่ที่ศาลแห่งนี้ด้วย
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น