"เราไม่ค่อยชอบเวลาใครมาถ่ายภาพภรรยาของเรา เราจะรู้สึกหวงและอิจฉา (jealous) บรรดาช่างภาพทั้งหลายเพราะเราชอบถ่ายภาพพระราชินีด้วยตัวเราเอง เราไม่เคยทิ้งรูปถ่ายของเธอแม้แต่สักภาพเดียว แม้ว่าจะมีบางภาพที่เราไม่ค่อยชอบก็ตาม"
****พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปิดเผยกับ Mr Reginald Davis ช่างภาพจากประเทศอังกฤษ เมื่อครั้งยังทรงอยู่ในช่วงหนุ่มสาว****
หลายปีต่อมาเมื่อประเทศไทยถูกรุกรานจากระบบคอมมิวนิสต์ ในหลวงและสมเด็จพระนางเจ้าฯต้องทรงตรากตรำเสด็จไปเยี่ยมและปลอบขวัญชาวบ้านในที่อันตรายทั่วประเทศ
"I don't think that I would like to be a King" Mr Davis ถึงกลับกราบทูลพระองค์เช่นนั้นเมื่อเห็นความเหน็ดเหนื่อยของทั้งสองพระองค์
ซึ่งทรงตรัสตอบไปว่า "เราไม่ตำหนิท่านหรอก ...มันเป็นงานที่หนักมาก แต่งานจากการสงคราม(war work)จะทำให้คุณรู้ซึ้งว่า... ในเวลาสงบ คุณมัวใช้เวลาไปกับสิ่งไม่สำคัญเลย เหมือนที่ครั้งก่อนที่เจอกัน เราบอกท่านว่าเราอิจฉาช่างภาพคนอื่นเวลาถ่ายภาพภรรยาของเรา...แต่ตอนนี้ไม่มีความอิจฉาใดๆอีกแล้ว ไม่มีเวลาสำหรับเรื่องแบบนั้นแล้ว"
เมื่อเวลาค่ำคืน ช่างภาพขออนุญาตถ่ายรูปพระองค์ขณะทรงอยู่หลังที่ขับเฮลิคอปเตอร์ พระองค์ทรงปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม
"มันจะไม่ถูกต้องนะ"
"เราไม่ได้ขับเฮลิคอปเตอร์เอง และภาพถ่ายก็ต้องบอกเล่าความจริง...."
"....Mr Davis คุณรู้ไหม รูปครอบครัวของเราที่ท่านถ่ายไปควรต้องสะท้อนความจริง
รูปภรรยาของเราที่ท่านถ่ายสำคัญกับประเทศไทยมาก เพราะรูปเหล่านั้นจะช่วยทำให้โลกใส่ใจกับประเทศไทย และเมื่อโลกใส่ใจประเทศไทย เขาก็จะใส่ใจประชาชนของเรา"
***Mr Davis รู้สึกได้ว่าในหลวงทรงสนพระทัยในการจัดวางท่าที่เขาจัดถวายสมเด็จพระราชินี เขาจึงกราบทูลเสนอให้ในหลวงทรงใช้กล้องของเขา
ส่วนตัวเขาถอยมายืนข้างหลัง ****
....และถ่ายรูปในหลวงขณะทรงถ่ายภาพพระราชินี....
--------------------------------------------------------------------
แปลและเรียบเรียงจาก หนังสือ The Royal Family of Thailand
โดย>> Naknakk Wallop Prasopphol