
เปิดเหตุผล ทำไมชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งมีตรรกะเพี้ยนๆ?

การที่ชาวกัมพูชาบางส่วนมีมุมมองหรือตรรกะที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกับเหตุผลนั้น มีที่มาจากการถูกปลูกฝังความคิดอย่างต่อเนื่องผ่านกลไกทางสังคมที่ซับซ้อน ตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ การศึกษา และการควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด
ยุคเขมรแดง: จุดเริ่มต้นของการขาดแคลนปัญญาชน
ย้อนกลับไปในสมัยที่พล พจน์ ปกครองกัมพูชาในฐานะผู้นำเขมรแดง ระหว่างปี 1975-1979 เขาเชื่อว่าผู้มีความรู้และปัญญาชนเป็นภัยต่ออำนาจ จึงได้สั่งกวาดล้างคนกลุ่มนี้อย่างรุนแรง ทำให้ประเทศต้องสูญเสียบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นครู นักวิชาการ หรือนักคิด ทำให้โครงสร้างการศึกษาล่มสลาย และประชาชนที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่เป็นแรงงานและชาวบ้านที่ต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงและยากลำบาก
ระบบการศึกษาหลังยุคเขมรแดง: เครื่องมือปลูกฝังแนวคิดทางการเมือง
เมื่อพ้นยุคเขมรแดงและฮุน เซน ขึ้นเป็นผู้นำในปี 1993 แม้ว่าจะมีการฟื้นฟูระบบการศึกษาขึ้นมาใหม่ แต่หลักสูตรที่ใช้กลับถูกออกแบบมาเพื่อรับใช้ผลประโยชน์ทางการเมืองของรัฐบาล โดยมีการบิดเบือนเนื้อหาประวัติศาสตร์ ตัดตอนข้อมูลเกี่ยวกับเขมรแดงที่ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลออกไป และสอนให้ประชาชนเกลียดชังประเทศไทย โดยอ้างว่าไทยแย่งชิงวัฒนธรรมและดินแดน นอกจากนี้ยังเน้นการสอนแบบท่องจำ โดยห้ามตั้งคำถามหรือโต้แย้ง ทำให้เยาวชนขาดทักษะการคิดวิเคราะห์ และมีแนวโน้มที่จะยึดติดอยู่กับอดีตที่บิดเบือน
ปัญหาด้านการศึกษายังรุนแรงขึ้นเมื่อกัมพูชาจัดสรรงบประมาณให้ภาคการศึกษาในสัดส่วนที่ต่ำที่สุดในอาเซียน (ประมาณ 2.1-2.9% ของ GDP) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการศึกษาและคุณภาพประชากรของประเทศ
การควบคุมสื่อ: การสร้างความเป็นจริงเพียงด้านเดียว
รัฐบาลฮุน เซน ได้ใช้นโยบายควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด โดยปิดสื่ออิสระและสื่อที่ไม่สนับสนุนรัฐบาล ทำให้สื่อที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยคนในตระกูลฮุน เซน ส่งผลให้รัฐบาลสามารถควบคุมกระแสข่าวสารได้ทั้งหมด เนื้อหาที่ถูกเผยแพร่ส่วนใหญ่จะเน้นการปลุกกระแสชาตินิยม สร้างความเกลียดชังต่อประเทศไทย และโจมตีผู้เห็นต่าง นอกจากนี้ รัฐบาลยังใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ซึ่งเป็นช่องทางการรับข่าวสารหลักของคนกัมพูชา เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่ต้องการผ่านเพจและทีมงาน IO (Information Operation)
ผลลัพธ์ของการล้างสมอง: ประชาชนที่ขาดการคิดวิเคราะห์
การศึกษาที่ไม่ส่งเสริมการตั้งคำถามและสื่อที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ได้กลายเป็นเครื่องมือในการ "ล้างสมอง" ประชาชน ทำให้ชาวกัมพูชาจำนวนมากเชื่อข้อมูลที่บิดเบือนว่าเป็นความจริง และไม่เปิดรับข้อมูลหรือหลักฐานอื่นที่ขัดแย้งกับสิ่งที่พวกเขาถูกสอนมา ประชาชนจึงขาดทักษะการคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) และมีแนวโน้มที่จะโทษประเทศไทยสำหรับปัญหาและความด้อยพัฒนาของตนเอง
ในขณะเดียวกัน ฮุน เซน ได้ใช้สถานการณ์เหล่านี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับ ฮุน มาเน็ต ลูกชาย ซึ่งเป็นผู้สืบทอดอำนาจ โดยการสร้างความขัดแย้งกับประเทศไทยเพื่อปลุกกระแสชาตินิยมและทำให้ประชาชนมองว่าฮุน มาเน็ต เป็นฮีโร่ผู้พิทักษ์ชาติ
กล่าวโดยสรุป การจงใจทำให้ประชาชนมีความรู้น้อยลงและขาดทักษะการคิดวิเคราะห์ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่รัฐบาลกัมพูชาใช้ในการปกครอง เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม และป้องกันไม่ให้ประชาชนตั้งคำถามหรือต่อต้านอำนาจรัฐ ซึ่งหากประชาชนมีความรู้มากขึ้น อาจทำให้รัฐบาลต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาอำนาจในที่สุด
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday