สตรีขึ้นทำเนียบ 4 ยอดหญิงงามในประวัติศาสตร์ไทย
อาจารย์ถาวรถ สิกขโกศล เรียบเรียงลำดับ "4 ยอดหญิงงาม" ในประวัติศาสตร์ไทยไว้เช่นกัน ได้แก่ พระนางสามผิว, เจ้าจอมมารดาลูกจันทร์, หม่อมเจ้าอาภาพรรณี และสมเด็จเจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์
ข่าวความงามของพระนางสามผิว เลื่องลือไปจนพระเจ้าสุทโธธรรมราชากษัตริย์ของพม่าเวลานั้น ถึงกับปลอมตัวเป็นพ่อค้ามาถวายบรรณาการเมืองฝาง เมื่อเห็นว่าพระนางสามผิวงามเลิศสมคําเล่าลือก็กลับไปนํากองทัพมาตีเมืองฝาง เกิดเป็นสงครามม่าน-ล้านนา ที่รบติดพันกันอยู่ถึง 3 ปี ก่อนเมืองฝางก็แตกเมื่อราว พ.ศ. 2175
พระเจ้าฝางอุดมสินพาพระนางสามผิวหนีไปอยู่เมืองกุฉินารายณ์ในเขตอินเดีย ประวัติกล่าวว่ามีมหาดเล็กและนางข้าหลวงคู่หนึ่งปลอมตัวเป็นทั้งสองพระองค์ โดดลงในบ่อน้ำเพื่อล้วงให้พระเจ้าสุทโธธรรมราชาเข้าใจว่า พระนางสามผิวพลีชีพพร้อมพระสวามี
ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์มีเรื่องของหญิงงาม ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องในแวดวงชาววัง เพราะเรื่องของชาวบ้านไม่ค่อยมีจดบันทึกไว้ (ที่ข้ามสมัยกรุงศรีอยุธยา ด้วยไม่ปรากฏเรื่องราวของหญิงงามอย่างเด่นชัด)
พอรัชกาลที่ 2 สวรรคต ท่านสมัครรักใคร่ไปอยู่กับกรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์, กรมพระพิทักษ์เทเวศร และกรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ ตามลำดับ จึงได้ชื่อว่าเป็นสตรี ที่ "รักง่ายหน่ายเร็ว"
ธิดาของท่านคือสมเด็จพระนางเจ้ารําไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 สมเด็จพระนางเจ้าพระองค์นี้เป็นที่ยอมรับกันว่ามีพระสิริโฉมงดงามยิ่ง แต่กล่าวกันว่าท่านหญิงอาภาฯ งามกว่าธิดาท่านมากนัก ผู้ที่ทันเห็นหม่อมสุ่นก็ว่าหม่อมสุ่นงามยิ่งกว่า
ทําให้สงสัยกันว่ามารดาของหม่อมสุ่นจะงามสักเพียงใด
สมเด็จเจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ เป็นพระราชธิดาสุดที่รักในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี
เมื่อพระราชกุมารีพระองค์นี้ประสูติ รัชกาลที่ 5 ถึงแก่ทรงออกพระโอษฐ์กับพระอนุชา [กรมหลวงพิชิตปรีชากร] ซึ่งมีพระธิดา [หม่อมเจ้าหญิงอาภาพรรณี] ที่มีความงามเป็นเลิศอยู่ก่อนแล้วว่า "ฉันไม่แพ้เธอแล้ว" ด้วยก่อนหน้านั้นพระองค์ กับกรมหลวงพิชิตปรีชากร ทรงแข่งขันกันจนเกิดมีการแพ้ชนะกันขึ้นนั้น คือ "การมีลูกสาวสวย"
และยังมีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อทรงโสกันต์นั้น กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ ทรงเครื่องต้นเต็มตามพระราชประเพณี พระราชบิดาถึงกับทรงออกพระโฮษฐ์ว่า "ลูกพ่องามเหมือนเทวดา"