ดินแดนกว้างใหญ่ของอเมริกา ได้มาจากใช้ปืนยึด-ใช้เงินซื้อ!


ดินแดนกว้างใหญ่ของอเมริกา ได้มาจากใช้ปืนยึด-ใช้เงินซื้อ!

ดินแดนกว้างใหญ่ของอเมริกา ได้มาจากใช้ปืนยึด-ใช้เงินซื้อ! รัสเซียและนโปเลียนยังขายให้!!
...
สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่อันดับ ๓ ของโลก รองจากรัสเซียและจีน แต่เนื่องจากเป็นประเทศที่เพิ่งเกิดเมื่อ ๒๐๐ กว่าปีมานี้เมื่อเขาจับจองโลกกันไปเกือบหมดแล้ว จึงต้องต่อสู้เพื่อให้ได้ที่อยู่อาศัย พอตั้งหลักได้มีเงินมีทองก็ใช้เงินซื้อมาอีก ฉะนั้นพื้นที่อันกว้างใหญ่ของสหรัฐขณะนี้
นอกจากใช้ปืนเข้าแย่งชิงที่ดินของชาวอินเดียนแดงผู้ถือธนูแล้ว ยังต้องต่อสู้กับชาวยุโรปด้วยกันที่เข้ามาตั้งอาณานิคม รวมทั้งใช้เงินซื้อแผ่นดินผืนใหญ่มาได้หลายรัฐ แม้แต่ที่ดินซึ่งไม่ติดกับประเทศก็ยังซื้อมาเป็นรัฐใหญ่ที่สุด รวมทั้งเกาะเล็กเกาะน้อยที่อยู่ห่างไกลอีกมาก

หลังจากโคลัมบัสพบอเมริกาและฆ่าชาวอินเดียแดงเจ้าของที่ดินซึ่งอยู่มานับพันปีตายเป็นจำนวนมากแล้ว ชาวยุโรปหลายชาติก็มุ่งไปจับจองแผ่นดินในโลกใหม่ ชาติแรกที่เข้าไปบุกเบิกก็คือสเปน โดยขนทาสจากอาฟริกาไปเป็นแรงงาน จากนั้นชาติต่างๆในยุโรปก็ตามไป เกิดการฆ่าฟันกันเองเพื่อแย่งพื้นที่ อย่างนครนิวยอร์ค เมืองที่ถือได้ว่าเจริญที่สุดในโลกขณะนี้ เดิมเป็นที่อยู่ของคนพื้นเมืองอเมริกา ที่เรียกกันว่าอินเดียนแดง เผ่าเลนาเป มีประชากรราว ๕,๐๐๐ คน นักเดินเรือชาวอิตาเลียนที่ทำงานให้กษัตริย์ฝรั่งเศสเป็นผู้พบในปี พ.ศ.๒๐๖๗ แต่ชาวยุโรปเข้ามาตั้งรกรากอย่างจริงจังใน พ.ศ.๒๑๕๗ ต่อมาใน พ.ศ.๒๑๘๑ สวีเดนตั้งอาณานิคมเดลาแวร์ขึ้น แต่ถูกฮอลันดาเข้ายึดตั้งเป็น นิวอัมสเตอร์ดัม ต่อมาฮอลันดาทำสงครามกับอังกฤษ ต้องยอมยกนิวอัมสเตอร์ดัมให้อังกฤษใน พ.ศ.๒๒๐๗ เปลี่ยนชื่อเป็น "นิวยอร์ค" ตอนนั้นเหลือชาวเลนาเปอยู่ในนิวยอร์คเพียง ๒๐๐ คน

แต่แล้วชาวอาณานิคม ๑๓ รัฐของอังกฤษในอเมริกา ที่ถูกเมืองแม่ที่รีดภาษีโหด ได้แข็งเมืองกับอังกฤษโดยมีฝรั่งเศสเข้าช่วยรบ และประกาศอิสรภาพได้ในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๓๑๙ จากนั้นก็มุ่งมั่นที่จะขยายดินแดนต่อไป

ในปี พ.ศ.๒๓๔๖ อเมริกาขยายพื้นที่ได้มากกว่า ๒ เท่าที่มีอยู่ในขณะนั้น โดยซื้ออาณานิคมลุยเซียนาจากพระเจ้าจักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต แต่แรกประธานาธิบดีคนที่ ๓ ของอเมริกา คือโทมัส เจฟเฟอร์สัน ต้องการอยากจะได้บางส่วนของเมืองนิวออร์ลีนที่ติดชายฝั่งทะเลเท่านั้น แต่จักรพรรดินโปเลียนซึ่งเดิมหวังจะใช้อาณานิคมลุยเซียนาตั้งเป็นจักรวรรดิในอเมริกาเหนือ แต่เกิดมีภาระหนักจากการทำสงครามในยุโรป จึงเสนอขายอาณานิคมนี้ทั้งหมดให้อเมริกา ประธานาธิบดีเจฟเฟอร์สันได้เกินกว่าที่คาดจึงตอบตกลงทันที จ่ายเป็นเงิน ๕๐ ล้านฟรังก์ หรือราว ๑๑,๒๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และยังยกหนี้ให้ฝรั่งเศสอีก ๑๘ ล้านฟรังก์ ได้ดินแดนมาถึง ๒.๑๔ ล้านตารางกิโลเมตร แม้จะเป็นที่รกร้างอันกว้างใหญ่ เป็นที่อยู่ของชาวฝรั่งเศส สเปน และอินเดียนแดง นั่นก็คือ ๑๕ รัฐในอเมริกา และ ๒ รัฐในแคนาดา

ต่อมาใน พ.ศ.๒๓๖๓ สหรัฐซื้อดินแดนผืนใหญ่มาอีกแห่ง นั่นก็คือรัฐฟลอริดา ซึ่งสเปนครอบครองมาตั้งแต่เริ่มบุกเบิก สหรัฐพยายามขอซื้อมาหลายครั้งแล้ว สเปนไม่ยอมขาย แต่เมื่อสเปนร่วมกับอังกฤษและโปรตุเกสทำสงครามกับนโปเลียน สูญเสียทั้งกำลังทหารและเงินไปเป็นอันมาก จึงยอมขายฟลอริดาให้สหรัฐาในราคา ๕ ล้านดอลลาร์ สหรัฐได้แยกฟลอริดาตะวันตกไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐมิสซิสซิปปี และรัฐอลาบามา ส่วนฟลอริดาตะวันออกก็คือรัฐฟลอริดาในปัจจุบัน ซึ่งความกว้างใหญ่ของรัฐนี้ ถ้าเป็นประเทศก็จะอยู่ที่อันดับ ๑๗ ของโลก

จะเห็นว่าสงครามในยุโรปครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างต้องสูญเสียเหมือนกัน นโปเลียนก็ขายลุยเซียนาเอาเงินไปทำศึก หมูเลยเข้าปากอเมริกา

ต่อมาใน พ.ศ.๒๓๘๘ สหรัฐก็รวมสาธารณรัฐเท็กซัสเข้าเป็นรัฐลำดับที่ ๒๘ อดีตรัฐนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเม็กซิโก แต่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองทำให้แยกตัวออกมาตั้งเป็นสาธารณรัฐเท็กซัส ต่อมาก็ขอเข้าร่วมกับอเมริกา ทำให้เม็กซิโกไม่พอใจ เกิดสงครามเม็กซิโก-อเมริกา ซึ่งอเมริกาเป็นฝ่ายชนะจึงรวมเท็กซัสเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐ พร้อมกับขอซื้อคาลิฟอร์เนียจากเม็กซิโกมาด้วย ทำให้มีรัฐเพิ่มขึ้นมาอีก คือ เนวาดา อริโซนา ยูทาห์ และโคโลราโด และยังรวมนิวเม็กซิโกเข้ามาอีก รัฐนี้ไม่ได้ตั้งชื่อตามประเทศเม็กซิโก แต่ชาวสเปนเป็นผู้มาตั้งรกรากก่อนที่จะเกิดประเทศเม็กซิโกถึง ๒๐๐ กว่าปี ให้ชื่อว่า "นิวเม็กซิโก" ต่อมาเมื่อมีการตั้งประเทศเม็กซิโกขึ้นมาก็พยายามรุกรานจะยึดนิวเม็กซิโก แต่นิวเม็กซิโกนั้นพึ่งพาเศรษฐกิจจากสหรัฐอยู่แล้ว จึงรวมมาเป็นรัฐที่ ๔๗ มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับที่ ๕ ของสหรัฐ

ในที่สุดสหรัฐก็ขยายดินแดนจากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไปจนจรดมหาสมุทรแปซิฟิก แต่คนอินเดียนแดงเจ้าของที่เดิมถูกต้อนไปเข้าคอกซึ่งเรียกว่า "เขตสงวนอินเดียน" ซึ่งมีประมาณ ๓๐๐ เขต ให้อินเดียนแดงทุกคนย้ายเข้าไปอยู่เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๑๙ ห้ามออกมาปะปนกับคนที่อพยพมาใหม่

ได้พื้นที่จรด ๒ มหาสมุทรแล้ว สหรัฐยังซื้อที่ดินผืนใหญ่ที่ไม่ติดประเทศมาอีก นั่นก็คือ รัฐอลาสกา ซึ่งมีประเทศเทศแคนาดาคั่น สหรัฐขอซื้อมาจากรัสเซียซึ่งครอบครองดินแดนนี้อย่างไม่ใคร่สนใจและไม่มีผลประโยชน์จากดินแดนซึ่งมีแต่น้ำแข็ง ผิดกับสหรัฐที่ส่งคนเข้าไปสำรวจแล้วก็อยากได้อลาสกาขึ้นมาทันที ความต้องการของทั้งสองฝ่ายเลยตรงกัน แต่ก็ยังไม่อาจตกลงกันได้เพราะเกิดสงครามกลางเมืองในสหรัฐ เมื่อสงครามสงบจึงเริ่มเจรจากันใหม่ก็ได้รับการคัดค้านจากประชาชนทั้งสองฝ่าย แต่พระเจ้าซาร์อเลคซันดร์ที่ ๒ เร่งเร้าจะขายเพราะเกรงว่าจะถูกอังกฤษยึดไปเปล่าๆ ในที่สุดก็ตกลงเซ็นสัญญากันในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๔๑๐ ในราคาเหมือนเป็นแค่ก้อนน้ำแข็ง เพียง ๗ ล้าน ๒ แสนดอลลาร์ต่อที่ดิน ๑ ล้าน ๕ แสนตารางกิโลเมตร แต่ต่อมาก็ค้นพบทองคำ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจำนวนมหาศาล

นอกจากนี้สหรัฐยังเข้ายึดและซื้อเกาะใหญ่เกาะน้อยที่อยู่ห่างไกลแผ่นดินใหญ่ออกไปอีก อย่างรัฐฮาวาย ซึ่งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก เจมส์ คุก นักสำรวจชาวอังกฤษเดินเรือมาพบใน พ.ศ.๒๓๒๑ ได้รับการต้อนรับด้วยอาหารเลิศรสและดนตรีซึ่งเป็นวัฒนธรรมของฮาวาย แต่ต่อมาเกิดไปทำสิ่งที่ชาวฮาวายไม่พอใจ เสียงดนตรีเสนาะเลยกลายเป็นเสียงกลองรบ ผลทำให้เจมส์ คุกและลูกเรืออีก ๔ คนต้องสังเวยชีวิต

เรื่องราวของเจมส์ คุกถูกตีพิมพ์เผยแพร่ไปทั่ว ทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดความสนใจฮาวาย ผู้ไปเยือนกลุ่มใหม่คือคณะมิชชันนารีโปรเตสแตนต์ ซึ่งสามารถทำให้ชาวฮาวายหันมาเข้ารีต เลิกความเชื่อในพิธีกรรมเก่าๆ รวมทั้งการบูชายัน จากนั้นก็เป็นกลุ่มนายทุนผิวขาวและแรงงานต่างถิ่น จนเกิดการเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำตาล โรคระบาดจากผู้มาใหม่ และความวุ่นวายทางการเมือง

แต่อย่างไรก็ตาม กษัตริย์คาเมฮาเมฮาก็เอาอยู่ จนได้การยอมรับว่าเป็นมหาราช นำฮาวายคืนสู่ความสงบ ราชวงศ์นี้ปกครองฮาวายต่อมานานเกือบ ๑๐๐ ปี จนมีกษัตริย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐขึ้นครองราชย์ รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.๒๔๓๐ ได้ลดอำนาจกษัตริย์ลง กระจายอำนาจไปสู่กลุ่มนายทุนน้ำตาล ในที่สุดฮาวายก็กลายเป็นรัฐที่ ๕๐ ของสหรัฐในวันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๒

แม้ชาวฮาวายจะดีกว่าชาวอินเดียนแดงที่ไม่ถูกต้อนให้เข้าไปอยู่ในคอก แต่อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้กระแสชาตินิยมก็ยังคุกรุ่นอยู่ในฮาวาย มีหลายกลุ่มเดินขบวนเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ จนถึงขอปกครองตนเองเพื่อรักษาวัฒนธรรมประเพณีของฮาวายไว้ และถึงขั้นขอกลับเป็น "ประเทศฮาวาย" ก็มี
หมู่เกาะเวอร์จิน เป็นอีกแห่งหนึ่งที่สหรัฐใช้เงินซื้อ หมู่เกาะนี้อยู่ในทะเลแคริบเบียน ประกอบด้วยเกาะหลัก ๓ เกาะ มีพื้นที่ ๓๔๖.๓๖ ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว ๑ แสนคน สเปนอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของเพราะมีการพบตั้งแต่สมัยโคลัมบัส แต่ไม่เคยเข้าไปอยู่เลย ผู้ที่เข้าไปบุกเบิกมีทั้งอังกฤษ ดัตช์ และเดนมาร์ค ในช่วงปี พ.ศ.๒๒๑๕-๒๒๗๖ เดนมาร์คได้เข้าควบคุมหมู่เกาะส่วนหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นที่ซื้อขายทาส ทางการเดนมาร์คต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปปราบปรามครั้งแล้วครั้งเล่า จึงต้องการขายให้พ้นภาระ สหรัฐก็รับซื้อไว้ในราคา ๒๕ ล้านดอลลาร์ โดยทำพิธีส่งมอบกันในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๔๖๐ เปลี่ยนชื่อเป็น "หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา" ประชาชนบนเกาะได้รับสัญชาติอเมริกัน แต่เหล้ารัมซึ่งเป็นผลิตผลหลักของเกาะไม่สามารถส่งไปขายในสหรัฐได้ เพราะมีกฎหมายห้าม ประชาชนของเกาะจึงเป็นคนอเมริกันที่ยากจน เพิ่งจะมาฟื้นตัวได้หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อความงามของภูมิประเทศทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว

ทุกวันนี้เศรษฐีอเมริกันก็ยังไม่เลิกความอยากซื้อ ในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาก่อน ยังแสดงความความจำนงขอซื้อเกาะกรีนแลนด์ เกาะใหญ่ที่สุดในโลก อยู่เหนือสุดของโลก มีพื้นที่ประมาณ ๒,๑๗๕,๙๐๐ ตารางกิโลเมตร เดิมเป็นที่อยู่ของพวกไวกิ้ง ปัจจุบันมีฐานะเป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ค แม้จะเป็นน้ำแข็งทั้งหมดทรัมป์ก็ยังอยากได้ แต่รัฐบาลเดนมาร์คตอบรับข้อเสนอของทรัมป์อย่างไม่เกรงใจ ด้วยการปฏิเสธที่ทรัมป์ขอไปเยือนเดนมาร์คเอาความเป็นเศรษฐีไปขอซื้อ ก็ยังดีกว่าไปปล้นเขาดื้อๆ อย่างกรณีอิรัคและลิเบีย



ดินแดนกว้างใหญ่ของอเมริกา ได้มาจากใช้ปืนยึด-ใช้เงินซื้อ!


ดินแดนกว้างใหญ่ของอเมริกา ได้มาจากใช้ปืนยึด-ใช้เงินซื้อ!

เครดิตแหล่งข้อมูล : FB เรื่องเก่าเล่าสนุก


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์