ย้อนดูการเลือกตั้งฝรั่งเศสในอดีต ผู้ชายรวย เท่านั้นได้เลือก
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่แนวคิดการปกครองระบอบประชาธิปไตยเริ่มเบ่งบานขึ้นในยุโรป สิทธิในการเลือกตั้งยังจำกัดอยู่แค่คนส่วนน้อยในสังคม โดยเฉพาะในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแบบประชาธิปไตยของหลายประเทศ อย่าง ฝรั่งเศส ซึ่งไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มได้มีสิทธิมีเสียงเท่ากัน
เกณฑ์ของผู้สิทธิ เลือกตั้ง ในยุคแรก ตั้งแต่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาครั้งแรกใน ค.ศ. 1791 จนกระทั่งถึงการปฏิวัติ ค.ศ. 1848 กำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องเป็น "ผู้ชาย" ที่เสียภาษีให้รัฐ 1,000 ฟรังก์ต่อปี และต้องมีอายุ 30 ปีขึ้นไปเท่านั้น
ผู้มีสิทธิออกเสียงจึงมีเพียง 25% ซึ่งล้วนเป็นคนรวยและชนชั้นสูง ขณะที่ชนชั้นกลางและคนจนไม่มีสิทธิ
ความอึดอัดคับข้องใจของชนชั้นล่างที่ถูกกีดกัน กลายเป็นชนวนนำสู่การปฏิวัติในปี 1848 โค่นล้มพระเจ้าหลุยส์-ฟิลิป เกิดการปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นจากการร่างรัฐธรรมนูญ 1848 ที่กำหนดให้ผู้ชายชาวฝรั่งเศสทุกคนที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปมีสิทธิเลือกตั้ง โดยไม่กำหนดจำนวนเงินภาษีที่เสียให้กับรัฐเช่นก่อนหน้า
แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ยังไม่ให้ผู้หญิงมีสิทธิเลือกตั้ง แสดงให้เห็นว่าสังคมฝรั่งเศสยังไม่ยอมรับเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ
หลังจากนั้นมีการเรียกร้องสิทธิสตรีเกิดขึ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะประเด็นการออกเสียงเลือกตั้งของผู้หญิง มีการก่อตั้งองค์กร สหภาพฝรั่งเศสเพื่อสิทธิสตรี ใน ค.ศ. 1909 เพื่อเรียกร้องสิทธิด้านต่าง ๆ ของผู้หญิงให้เท่าเทียมผู้ชาย โดยเป้าหมายสำคัญขององค์กรก็คือสิทธิทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง แต่คนจำนวนมากกลับต่อต้าน องค์กรจึงยังไม่บรรลุเป้าหมายข้อนี้
เวลาล่วงมาจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังฝรั่งเศสได้รับการปลดปล่อยจากการถูกกองทัพนาซียึดครอง รัฐบาลชั่วคราวฝรั่งเศสได้ประกาศเมื่อวันที่ 21 เมษายน ปี 1944 ให้ผู้หญิงมีสิทธิเลือกตั้ง แต่กว่าผู้หญิงจะได้ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรกก็ในการเลือกตั้งเทศบาลในวันที่ 29 เมษายน ปี 1945
จะเห็นได้ว่ากว่าฝรั่งเศสจะสามารถสร้างสรรค์ประชาธิปไตยให้เกิดความเท่าเทียมกับคนทุกกลุ่มในสังคม ต้องใช้เวลาเรียกร้องและต่อสู้นานนับศตวรรษ ถึงจะสามารถสร้างสังคมแห่งความเสมอภาคขึ้นมาได้
ขณะที่ประเทศไทย นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 รัฐธรรมนูญไทยตั้งแต่ฉบับแรกได้รับรองสิทธิการเลือกตั้งทั่วไปของประชาชนอย่างอย่างเท่าเทียม โดยไม่เลือกปฏิบัติจากเพศ รายได้ หรือการเสียภาษี และรัฐธรรมนูญรวมทั้งกฎหมายเลือกตั้งหลังจากนั้นทุกฉบับก็รับรองไปในแนวทางเดียวกันทั้งหมดจนถึงปัจจุบันเครดิตแหล่งข้อมูล : silpa-mag