หนุ่มน้อยชาวกรีก ผู้กุมหัวใจจักรพรรดิโรมัน


หนุ่มน้อยชาวกรีก ผู้กุมหัวใจจักรพรรดิโรมัน

แอนทิโนอุส (Antinous) หนุ่มน้อยชาวกรีกจากไบธีเนีย (Bithynia) ผู้มีใบหน้าอันงดงามจนเป็นที่ต้องพระทัยตั้งแต่แรกเห็นและกลายเป็นที่รักของ เฮเดรียน (Hadrian) จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมัน (ค.ศ. 76-138, ครองราชย์ ค.ศ. 117-138)

ข้อมูลวัยเด็กของแอนทิโนอุสไม่มีบันทึกไว้มากนัก ทราบเพียงเขาเกิดวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 110 ณ เมืองคลอดิโอโปลิส (Claudiopolis) แคว้นไบธีเนีย ตอนเหนือของอนาโตเลียหรือประเทศตุรกีฝั่งทวีปเอเชียในปัจจุบัน ไบธีเนียในอดีตเป็นส่วนหนึ่งของโลกกรีกโบราณและอยู่ในอาณาเขตปกครองของจักรวรรดิโรมัน แอนทิโนอุสจึงเป็นชาวกรีกโดยกำเนิด

ไม่มีหลักฐานว่าเฮเดรียนพบหนุ่มน้อยได้อย่างไร แต่ทราบว่าพวกเขาเจอกันเมื่อครั้งจักรพรรดิเสด็จเยือนเมืองไนโคเมเดีย (Nicomedia) ในแคว้นไบธีเนียช่วง ค.ศ. 123 เพื่อการฟื้นฟูเมืองหลังไนโคเมเดียเผชิญภัยพิบัติแผ่นดินไหว

ไม่ว่าแอนทิโนอุสจะเป็นส่วนหนึ่งของคณะต้อนรับหรือร่วมในงานเฉลิมฉลองการเสด็จเยือนของจักรพรรดิ หนุ่มน้อยชาวกรีกวัย 13 ปี มีโอกาสได้พบกับจักรพรรดิโรมันผู้ยิ่งใหญ่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ และเฮเดรียนตกหลุมรักแอนทิโนอุสตั้งแต่แรกพบ

ความสัมพันธ์ระหว่างเฮเดรียนกับราชินีวิเบีย ซาบินา (Vibia Sabina) คู่สมรสของพระองค์ไม่ค่อยราบรื่นมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะรสนิยมทางเพศของเฮเดรียนไม่ใช่สตรี เฮเดรียนอายุล่วงเข้าปีที่ 47 ตอนพระองค์พบตัวแอนทิโนอุสที่ไนโคเมเดีย และอุปการะหนุ่มน้อยชาวกรีกผู้นี้ทันที ซึ่งสังคมโรมันในยุคนั้นไม่ถือว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายสูงอายุกับเด็กหนุ่มเป็นเรื่องผิด ตราบใดที่เป็นความยินยอมของทั้งสองฝ่าย ชาวโรมันรับเอาทัศนคติแบบเสรีนิยมเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศมาจากกรีก และภาษาละตินของโรมันไม่มีคำศัพท์ที่ใช้แยกระหว่าง "รักร่วมเพศ" กับ "รักต่างเพศ" ด้วยซ้ำ

เฮเดรียนพาแอนทิโนอุสมายังกรุงโรม ก่อนส่งเขาไปเรียนในสถาบันการศึกษา "Paedogogium" ซึ่งเป็นโรงเรียนฝึกสอนเด็ก ๆ สำหรับการรับใช้เหล่าวุฒิสมาชิกกับชนชั้นสูงในอนาคต รวมถึงฝึกเหล่าเด็กหนุ่มเพื่อมาเป็นมหาดเล็กส่วนพระองค์ของจักรพรรดิด้วย


หนุ่มน้อยชาวกรีก ผู้กุมหัวใจจักรพรรดิโรมัน


เฮเดรียนมอบความรักอย่างลึกซึ้งแก่แอนทิโนอุส ทั้งมอบการศึกษา ความรู้พื้นฐาน และทักษะทางสังคมในราชสำนัก มอบของขวัญสูงค่าต่าง ๆ รวมถึงทักษะเรื่องเพศให้แก่เขาด้วย เพียง 2 ปีหลังการศึกษา เฮเดรียนพาแอนทิโนอุสออกจากกรุงโรมที่วุ่นวายมาอยู่ในคฤหาสน์อันหรูหราบนเนินเขาซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ที่แห่งนี้เพียบพร้อมด้วยสวนพฤกษชาติ สระน้ำ น้ำตก น้ำพุ มีห้องนอน ห้องชุด ห้องจัดเลี้ยง พื้นประดับกระเบื้องโมเสค จิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม (Fresco) และอ่างน้ำอุ่น

คฤหาสน์ยังเต็มไปด้วยผู้รับใช้ทั้งบริกร พ่อครัว และคนสวนอีกมากมาย มีคอกม้าและผู้ดูแลสำหรับการออกไปล่าสัตว์ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จักรพรรดิทรงโปรดปราน เฮเดรียนพาแอนทิโนอุสติดตามพระองค์ไปทุกที่และทุกครั้งหากเดินทางออกจากกรุงโรม จากสิ่งที่จักรพรรดิมอบให้หนุ่มน้อย แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าแอนทิโนอุสมอบความรักของตนแก่เฮเดรียนหรือไม่

ค.ศ. 127 ระหว่างที่เฮเดรียนพาแอนทิโนอุสเดินทางท่องเที่ยวทั่วคาบสมุทรอิตาลี จักรพรรดิทรงล้มป่วยด้วยโรคปริศนาและมีอาการเรื้อรังตั้งแต่ตอนนั้น หมอหลวงทั้งหลายพยายามหาวิธีรักษาแต่ไม่สามารถทำให้โรคหายขาดได้ กระทั่งโรคนี้นำพาให้เฮเดรียนเข้าร่วมลัทธิลึกลับลัทธิหนึ่งในดินแดนกรีก แน่นอนว่าแอนทิโนอุสอยู่ข้างกายเฮเดรียนตลอด หลังจบพิธีกรรมบางอย่างคณะเดินทางของจักรพรรดิออกจากกรีซไปสู่แคว้นจูเดียและซีเรียทางตะวันออกของจักรวรรดิโรมัน ก่อนวกลงใต้มายังอียิปต์ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 130 ข้อสันนิษฐานส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าการเดินทางครั้งนี้เกี่ยวข้องกับโรคปริศนานั้นแน่นอน

เฮเดรียนสนใจศาสตร์และพิธีกรรมอียิปต์นี้มาแล้ว เป็นไปได้สูงว่าพระองค์เสด็จมาถึงอียิปต์เพื่อหาวิธีรักษาโรคลึกลับนั้น จักรพรรดิถือโอกาสพาแอนทิโนอุสไปเยี่ยมชมหลุมฝังศพของปอมเปย์ (Pompey) แม่ทัพคนสำคัญของโรมัน ต่อด้วยสักการะโลงศพของอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) ก่อนล่องเรือในคลองคาโนพิค (Canopic canal) และล่าสัตว์ด้วยกัน แต่มีเหตุการณ์ระทึกขวัญเกิดขึ้นระหว่างการล่าเมื่อแอนทิโนอุสถูกสิงโตจู่โจม เฮเดรียนช่วยเหลือและปกป้องเขาได้ทันพร้อมลงมือสังหารสิงโตตัวนั้นด้วยพระองค์เอง

ที่เมืองเฮลิโอโปลิส (Heliopolis) ในอียิปต์ นักบวชชื่อ Pachrates ได้ปรุงยาและทำพิธีบางอย่างเกี่ยวกับการรักษาโรคของเฮเดรียน คณะของพระองค์เคลื่อนต่อไปยังเมืองเฮอโมโปลิส (Hermopolis) เพื่อบูชาเทพทอธ (Thoth) และเทพโอซิริส (Osiris) พร้อมจัดพิธีบวงสรวงและการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ แต่ระหว่างงานเฉลิมฉลองนี้เอง จักรพรรดิต้องพบกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่


หนุ่มน้อยชาวกรีก ผู้กุมหัวใจจักรพรรดิโรมัน


วันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 130 ศพของแอนทิโนอุสถูกพบลอยมาตามแม่น้ำไนล์ เหตุการณ์นี้นำความโศกเศร้าอย่างยิ่งใหญ่มาสู่เฮเดรียน แอนทิโนอุสเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาด้วยวัยเพียง 20 ปี แน่นอนว่าเขาจมน้ำ แต่สาเหตุการจมน้ำไม่สามารถสรุปได้ นักประวัติศาสตร์โรมันหลายคนให้สังเกตต่างกันออกไป บ้างอ้างว่าอาจเกี่ยวข้องกับโรคประหลาดของเฮเดรียนกับลัทธิลึกลับที่พระองค์เข้าร่วม หรืออาจมีพ่อมดหมอผีบางคน (อาจเป็น Pachrates ?) ชี้นำว่าการสละชีวิตของคนรักในแม่น้ำไนล์จะช่วยรักษาโรคหรือยืดอายุให้จักรพรรดิได้

แต่ข้อสังเกตทั้งหลายเป็นเพียงทฤษฎี หากการบูชายัญคนรักเป็นเรื่องจริง ก็ไม่มีหลักฐานใด ๆ บ่งชี้ได้ว่าศาสตร์มืดนี้ถูกเสนอให้เฮเดรียนหรือแอนทิโนอุสรับรู้ หรือการดิ่งแม่น้ำไนล์เกิดจากความสมัครใจเพราะความรักอันยิ่งใหญ่ของแอนทิโนอุสหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นการเสียสละหรืออุบัติเหตุ หลังเหตุการณ์นั้นสุขภาพของเฮเดรียนกลับดีขึ้นจริง เพราะพระองค์ยังมีอายุสืบต่อมาอีก 8 ปี

หลังการเสียชีวิตศพของแอนทิโนอุสถูกทำเป็นมัมมี่และนำกลับกรุงโรมพร้อมเฮเดรียนคู่รักของเขา หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าการตายของแอนทิโนอุสคือความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของเฮเดรียนคือการที่จักรพรรดิทรงรับสั่งช่างให้สร้างประติมากรรมรูปเหมือนแอนทิโนอุสขึ้นมามากมาย นำชื่อของแอนทิโนอุสไปตั้งเป็นชื่อหมู่ดาว มีการสร้างเมืองแอนทิโนโปลิส (Antinopolis) เพื่อเป็นเกียรติแก่เขาริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ณ จุดที่เขาจมน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นมีการยกย่องให้แอนทิโนอุสเป็นเทพองค์หนึ่งด้วย

สถานะความเป็นเทพของแอนทิโนอุสในสังคมโรมันโดยเฉพาะพื้นที่ประเทศอียิปต์จริงจังอย่างมาก ลัทธิความเชื่อในการบูชาแอนทิโนอุสค่อย ๆ เติบโตและแพร่หลาย มีการผูกดวงวิญญาณเทพของเขาเข้ากับตำนานเทพโอซิริส (Osiris) ของอียิปต์ รวมถึงเทพไดโอนีซุส (Dionysos) เฮอเมส (Hermes) และซิลวานุส (Silvanus) ของกรีก-โรมัน ความเป็นเทพของแอนทิโนอุสจึงแพร่กระจายและเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วจากบริเวณอียิปต์ไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ ทั่วจักรวรรดิโรมัน กล่าวได้ว่าหนุ่มน้อยชาวกรีกตายจากความเป็นมนุษย์ แต่ฟื้นคืนชีพในฐานะเทพเจ้าจากความรักที่เฮเดรียนมีให้เขานั่นเอง

งานศิลปกรรมในยุคโบราณที่บ่งชี้ได้ว่านี่คือ แอนทิโนอุส เป็นหนึ่งในงานศิลปะที่ถูกค้นพบและอนุรักษ์ไว้มากที่สุด ลักษณะของแอนทิโนอุสปรากฏทั้งรูปแบบชายหนุ่มทั่วไปและรูปบูชากึ่งเทพเจ้าที่เขาถูกนำไปเชื่อมโยง แต่ทั้งหมดมีลักษณะร่วมคือใบหน้าอันหล่อเหลา ผมหยิก หน้าอกกว้าง รูปร่างสมส่วน ซึ่งเป็นรูปแบบประติมากรรมที่ถูกยอมรับโดยทั่วกันว่าคือความงามอันลึกซึ้งของศิลปกรรมคลาสสิกยุคกรีก-โรมัน


เครดิตแหล่งข้อมูล :silpa-mag


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์