ทำไมคนจีน [แต้จิ๋ว] ชอบค้าขาย มากกว่าทำราชการ
ทำไม!? คนจีนแต้จิ๋ว ชอบค้าขาย มากกว่าทำราชการ
ค่านิยมตามวัฒนธรรมขงจื๊อถือว่า "การทั้งปวงล้วนต่ำต้อย สูงส่งอยู่แต่การศึกษา" โดยแบ่งคนเป็น 4 ชนชั้น คือ ขุนนาง (ปัญญาชน), เกษตรกร (ชาวนา), กรรมกร (ผู้ใช้แรงงาน) และพ่อค้า
คนจีนแต้จิ๋ว ก็ใฝ่ศึกษามากมาตั้งแต่ราชวงศ์ซ่ง จะยากจนอย่างไรต้องให้ลูกได้เรียนหนังสือ ดังที่หวังต้าเป่าขุนนางชาวแต้จิ๋วทูลตอบพระเจ้าซ่งเกาจง ว่า "ดินเลวปลูกสน คนจนเรียนหนังสือ"
"ตั้งแต่ปลายราชวงศ์หมิงเป็นต้นมาถิ่นแต้จิ๋วคนแออัด คนแต้จิ๋วจึงหันไปเอาดีทางค้าขาย พวกเย่ว์ซึ่งเป็นบรรพชนสำคัญของคนแต้จิ๋วชำนาญการค้าทางทะเลมาแต่โบราณ ความถนัดนี้จึงมีอยู่ในสายเลือดจีนแต้จิ๋ว ประกอบกับความจำเป็นในการยังชีพ และพบว่าวิถีของขุนนางนั้นหนีไม่พ้นเรื่องฉ้อฉล ขูดรีด
คนแต้จิ๋วจึงได้ข้อสรุปว่า ‘คบขุนนางจน คบผีตาย (交宫穷 交鬼死)' เพราะ ‘ขุนนางมีสองปาก เข้าปากออกปาก (宫有二口 口出口入)‘ คืออักษร ‘ขุนนาง (宫)' ประกอบด้วยอักษร ‘ปาก (口)' สองตัวอยู่ใต้อักษร ‘หลังคาบ้าน (宀)' วิถีขุนนางจึงต้องพัวพันอยู่กับเรื่อง ‘โกงกิน' เข้าปากหนึ่ง ออกปากหนึ่ง พูดจาก็สับปลับ กลับกลอกเหมือนมี 2 ปาก ไม่ควรเกี่ยวข้องด้วย
สู้การค้าไม่ได้ แม้จะมีเรื่องเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงอยู่บ้าง แต่ก็ดีกว่าอาชีพขุนนาง และคนแต้จิ๋วก็ยอมรับว่า ‘คนค้าขายสามชั่วคนไม่ได้เข้าศาลตงฉิน (做生意人三世无入中臣庙)' คือสังคมก็ไม่ได้ยกย่องว่าคนค้าขายเป็นคนสุจริตที่ควรยกย่อง..."
ค่านิยมตามวัฒนธรรมขงจื๊อถือว่า "การทั้งปวงล้วนต่ำต้อย สูงส่งอยู่แต่การศึกษา" โดยแบ่งคนเป็น 4 ชนชั้น คือ ขุนนาง (ปัญญาชน), เกษตรกร (ชาวนา), กรรมกร (ผู้ใช้แรงงาน) และพ่อค้า
คนจีนแต้จิ๋ว ก็ใฝ่ศึกษามากมาตั้งแต่ราชวงศ์ซ่ง จะยากจนอย่างไรต้องให้ลูกได้เรียนหนังสือ ดังที่หวังต้าเป่าขุนนางชาวแต้จิ๋วทูลตอบพระเจ้าซ่งเกาจง ว่า "ดินเลวปลูกสน คนจนเรียนหนังสือ"
แต่ทำไมคนแต้จิ๋วกลับชอบเป็นพ่อค้า ซึ่งมีสถานะทางสังคมต่ำสุดมากกว่าเป็นขุนนาง
อาจารย์ถาวร สิกโกศล อธิบายเรื่องนี้ไว้ว่า"ตั้งแต่ปลายราชวงศ์หมิงเป็นต้นมาถิ่นแต้จิ๋วคนแออัด คนแต้จิ๋วจึงหันไปเอาดีทางค้าขาย พวกเย่ว์ซึ่งเป็นบรรพชนสำคัญของคนแต้จิ๋วชำนาญการค้าทางทะเลมาแต่โบราณ ความถนัดนี้จึงมีอยู่ในสายเลือดจีนแต้จิ๋ว ประกอบกับความจำเป็นในการยังชีพ และพบว่าวิถีของขุนนางนั้นหนีไม่พ้นเรื่องฉ้อฉล ขูดรีด
คนแต้จิ๋วจึงได้ข้อสรุปว่า ‘คบขุนนางจน คบผีตาย (交宫穷 交鬼死)' เพราะ ‘ขุนนางมีสองปาก เข้าปากออกปาก (宫有二口 口出口入)‘ คืออักษร ‘ขุนนาง (宫)' ประกอบด้วยอักษร ‘ปาก (口)' สองตัวอยู่ใต้อักษร ‘หลังคาบ้าน (宀)' วิถีขุนนางจึงต้องพัวพันอยู่กับเรื่อง ‘โกงกิน' เข้าปากหนึ่ง ออกปากหนึ่ง พูดจาก็สับปลับ กลับกลอกเหมือนมี 2 ปาก ไม่ควรเกี่ยวข้องด้วย
สู้การค้าไม่ได้ แม้จะมีเรื่องเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงอยู่บ้าง แต่ก็ดีกว่าอาชีพขุนนาง และคนแต้จิ๋วก็ยอมรับว่า ‘คนค้าขายสามชั่วคนไม่ได้เข้าศาลตงฉิน (做生意人三世无入中臣庙)' คือสังคมก็ไม่ได้ยกย่องว่าคนค้าขายเป็นคนสุจริตที่ควรยกย่อง..."
พ่อค้าชาวจีนโพ้นทะเลในเมืองไทยก่อตั้งมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง (จากซ้าย) คนที่ 1-แต้โหงวเล้า (อุเทน เตชะไพบูลย์) คนที่ 5-เหียกวงเอี่ยม อดีตนายกสมาคมพาณิชย์จีนแห่งประเทศไทย พ่อค้าชาวแต้จิ๋วที่มีชื่อเสียงในอดีต
เครดิตแหล่งข้อมูล :silpa-mag
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!