ทุกสิ่งที่ตามหาเริ่มใกล้ความจริง..“ข้ามภพ ข้ามชาติ” ตอนที่ 12


ข้ามภพ ข้ามชาติ ตอน 12

ผมและทุกๆคนในหมวดดีใจกันราวกับถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ที่ได้รู้ข่าวคืบหน้าการค้นหารายชื่อของคุณยายบัวคลี่จากเพื่อนนุชของผม....ผมรีบเดินรี่ไปกราบพ่อแก่ที่อยู่บนหิ้งหน้าห้องพักครู พร้อมกับไหว้กล่องไม้ใส่ลูกปัดสร้อยโนราราวกับเรื่องการตามหาใกล้สิ้นสุดลงแล้ว....ครูทุกคนเดินตามออกมา นั่งลงไหว้เหมือนผม

....ครูพรเพ็ญเดินตามมาแบบงงๆ แล้วถามทุกคนว่าเกิดอะไรขึ้น???
ไม่มีใครพูดอะไร ได้แต่พยักหน้า เอามือไปแตะมือครูพรเพ็ญเบาๆ แล้วพากันนั่งลงไหว้....

ผมเอื้อมมือไปหยิบกล่องมาไว้ในมือ...เปิดกล่องออกช้าๆ แล้วมองของที่อยู่ในกล่องที่วางซ้อนกันอยู่อย่างเรียบร้อย....

" คุณยายครับ เรากำลังจะได้พบกับคุณยายบัวคลี่แล้วนะครับ....ผมจะรีบลงไปพัทลุงในอาทิตย์หน้าหลังนักเรียนสอบเสร็จเพื่อตามหาคุณยายบัวคลี่ให้เจอนะครับ....ขอภาวนาให้คุณยายบัวคลี่ยังมีชีวิตอยู่นะครับ คุณยายอมรศรีครับ ช่วยคุ้มครองคุณยายบัวคลี่ด้วยเถิด....และตอนที่ผมลงไปพัทลุง คุณยายอมรศรีช่วยเป็นหลักชัยในการนำพาผมไปในครั้งนี้ให้ประสบความสำเร็จ และเดินทางปลอดภัยตลอดการตามหาคุณยายบัวคลี่ด้วยเถิดครับ...." พูดไป น้ำตาก็คลอเบ้า เป็นความรู้สึกที่ปิติอย่างบอกไม่ถูก....จากที่เคยกลัว หวาดผวา และไม่กล้าคิดถึงคุณยายอมรศรี ก็กลับกลายเป็นรู้สึกว่าความกลัวเหล่านั้นได้หายไปเกือบหมด....ความรู้สึกใหม่คือเหมือนมีญาติผู้ใหญ่ที่เราให้ความเคารพนับถือคอยดูแลเราอยู่ใกล้ๆจริงๆ.....
เหมือนลมที่เราไม่อาจมองเห็น แต่สัมผัสได้....
.......................................

ครูจารุนันท์แจ้งข่าวคราวให้ครอบครัวอรวรรณทราบถึงความคืบหน้าในการตามหาคุณยายบัวคลี่...พ่อและแม่ รวมทั้งอรวรรณมาพบพวกเราที่โรงเรียนอีกครั้งด้วยความดีใจ.....นำขนมและผลไม้มาฝากมากมาย....

ที่สำคัญ อรวรรณได้นำรูปที่อัดใส่กรอบมาให้พวกเราในหมวดศิลปะได้ดูกันทุกคน....พวกเราต่างก็ตื่นเต้น จ้องมองดูรูปเด็กสาวทั้ง 10 คนในปีพ.ศ 2470 อย่างสนใจแบบไม่กระพริบตา....โดยเฉพาะใบหน้าของอรวรรณกับเอมอรที่มีใบหน้าคล้ายกันมาก....แม้แต่รูปของคุณยายบัวคลี่กับคุณยายอมรศรี เราก็เพ่งกันจนแทบไม่หายใจ.....

................................................
คุณยายบัวคลี่ดูดีตั้งแต่ยังเป็นเด็กสาววัยรุ่น มองไม่รู้เลยว่าเป็นคนน่าสงสาร ท่านมีผิวพรรณดี ใบหน้าสดใส ช่างต่างกับชีวิตจริงที่ท่านต้องประสบกับความลำบากแต่คนที่เราให้ความสนใจมากที่สุด เห็นจะเป็นรูปของคุณยายอมรศรี....บุคคลท่านนี้ที่เราต้องหวาดผวากันมาสองถึงสามครั้ง.....
เมื่อได้มองใบหน้าของท่าน เราต่างก็รู้สึกเกรงขามท่านอย่างหาคำตอบไม่ได้....ใบหน้าของท่านคือลักษณะของผู้หญิงภาคใต้จริงๆ
นัยน์ตาลึก คมเข้ม...สายตาจ้องมองนิ่ง...ดูมีอำนาจ...จะบอกว่าน่าเกรง ขาม เมื่อแรกเห็นก็ได้

....ครูพรเพ็ญถามว่ารูปนี้มีความสำคัญอย่างไร พวกเราบอกเพียงว่าเป็นรูปบรรพบุรุษของอรวรรณเท่านั้นเอง พวกเรายังไม่ได้บอกความจริง...เพราะขืนบอกไป ก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์แย่ลง.....
....พวกเราทุกคนขอถ่ายรูปคุณยายทั้ง 10 ท่านแล้วเก็บไว้ในมือถือ....
อรวรรณก็ไม่ว่าอย่างใด
..............................................................

....เราตกลงกันว่า ผมจะเป็นคนลงไปพัทลุงก่อนเพื่อตามหาพร้อมเพื่อนๆที่พัทลุง หากพบคุณยายบัวคลี่และตรวจสอบชัดเจนแล้วว่าเป็นคุณยายจริง จึงให้อรวรรณตามลงไปทันที....

....พ่อแม่อรวรรณไม่สะดวกในเรื่องนี้นัก และต้องทำงานที่บริษัท รวมทั้งต้องดูแลน้องชายของอรวรรณ....ครูจารุนันท์จึงบอกว่าเมื่อถึงเวลานั้น
ครูจารุนันท์อาสาพาอรวรรณลงไปพัทลุงเอง เพราะครูจารุนันท์เคยไปเที่ยวจังหวัดพัทลุงหลายครั้ง ด้วยมีเพื่อนสนิทอยู่พัทลุงเช่นกัน....
........................................................
พ่อและแม่อรวรรณกล่าวขอบคุณด้วยความเกรงใจ....ได้แต่บอกว่าครูทุกคนช่วยครอบครัวตนเหมือนเป็นญาติคนหนึ่งทีเดียว....หน้าที่ของครู มิใช่เพียงรับผิดชอบนักเรียนเฉพาะในเวลาราชการเท่านั้น บางครั้งการดูแลผู้ปกครองและนักเรียนก็มีมากกว่าที่ใครคิดเสียอีก....นี่ไม่ใช่หน้าที่...แต่คือความสำนึกในความเป็นครูที่มีต่อศิษย์.....
............................................................

....ก่อนเดินทางกลับพัทลุง...ผมพยายามจองตั๋วเครื่องบินหลายครั้ง แต่ทุกเที่ยวเต็มหมด ไม่อาจหาตั๋วได้ในระยะเวลาอันใกล้ ถ้าโดยสารโดยเครื่องบิน จะไปลงจังหวัดตรัง นุชเพื่อนรักมารับที่สนามบิน เราใช้เวลาเดินทางจากตรังมุ่งสู่พัทลุงราวครึ่งชั่วโมงเท่านั้น....
แต่ครั้งนี้ ผมจำต้องโดยสารโดยรถไฟไทยแทน ถึงแม้จะใช้เวลาถึง14 ชั่วโมงก็ต้องยอม....
เพราะคุณยายบัวคลี่รอเราอยู่ทุกนาที....
................................................................

....คืนก่อนวันเดินทาง....ผมนั่งสวดมนต์แบบยาวอีกครั้ง...ตั้งสติ มีสมาธิกับการตามหาคุณยายบัวคลี่....นึกถึงคุณยายอมรศรี นึกภาวนาให้ท่านช่วยคุ้มครองและให้อำนวยความสะดวกในการตามหาครั้งนี้ด้วย....แล้วผมก็ล้มตัวลงนอน....
.....................................................................

....ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ....แต่ผมได้ฝันเห็นคุณยายอมรศรี....ท่านเดินมาหาผมในห้องพักครูหมวดศิลปะ....ท่านคือคนๆเดียวกับเด็กผู้หญิงที่ผมเห็นว่ายืนอยู่กับอรวรรณที่ป้าย เวชรังษี ที่เคยฝันเมื่อครั้งก่อน....
....คุณยายยังเป็นเด็กสาว หน้าตาคมเข้ม สายตานิ่งสงบ แต่มีรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น....ผมไม่รู้สึกกลัวท่านเลย กลับรู้สึกราวกับมีญาติที่ใกล้ชิดมาเยี่ยมด้วยซ้ำไป....
.................................................................

"...คุณครู...เดินทางไปไหน ให้นำฉันไปด้วยทุกครั้งนะ...ของอย่างอื่น เก็บไว้ในกล่องเช่นเดิม แต่นำแหวนของฉันติดตัวไปทุกที่นะ...ฉันจะดูแลคุณครู..." ท่านยื่นแหวนนะโมส่งให้ผม ผมยกมือไหว้ ก่อนรับมาสวมที่นิ้วก้อย....คุณยายมองผมด้วยดวงตาที่เป็นประกาย....ขนตาที่ยาวงอนของท่านกระพริบช้าๆ....คล้ายรู้สึกว่าใกล้สิ้นสุดการเดินทางอันยาวนานเสียที....ท่านยิ้มอีกครั้ง....ยื่นมือมาลูบตรงไหล่ผมเบาๆ.....ยิ้มแล้วพยักหน้าช้าๆ....แล้วท่านก็หายไป....
.................................................................

....ผมรีบตื่นเช้า ไปตักบาตรทำบุญกรวดน้ำให้ท่านอีกครั้ง....นำเรื่องความฝันมาเล่าให้ครูในหมวดฟัง...ทุกคนลงความเห็นว่าฝันครั้งนี้ ไม่ใช่การกินอิ่มจนเกินไป หรือจิตนิวรณ์แน่ๆ
แต่มันต้องเป็นสัญญาณหรือนิมิตรหมายอันดีที่คุณยายอมรศรีต้องการสื่อสารให้ผม...การตามหาคุณยายบัวคลี่ในครั้งนี้ต้องประสบความสำเร็จแน่ๆ....
.....................................................................



 ทุกสิ่งที่ตามหาเริ่มใกล้ความจริง..“ข้ามภพ ข้ามชาติ” ตอนที่ 12


พิธีมอบแหวนนะโมของคุณยายอมรศรีให้กับผมจึงเกิดขึ้นที่กลางห้องพักครูในวันเดินทาง....
ทุกคนบอกครูพรเพ็ญว่า ให้ครูพรเพ็ญที่อาวุโสที่สุดในหมวดช่วยมอบแหวนประจำตระกูลให้กับผมหน่อย ครูพรเพ็ญตื่นเต้นว่าเป็นแหวนของเจ้าคุณปู่ของผมตั้งแต่บรรพบุรุษหรืออย่างไร...ครูพรเพ็ญรู้สึกได้รับเกียรติมาก จึงเต็มใจหยิบแหวนในกล่องมามอบให้ผมในมือ....

.........................................................................
"..อุ้ย ! กล่องอะไร ทำไม หอมขนาดนี้.."
ครูพรเพ็ญได้กลิ่นหอมของดอกโนราแห้งที่โชยมา....
....เธอก้มมองในกล่องอย่างพิศวง...บอกว่าเห็นแค่กลีบดอกไม้แห้งๆ กับสร้อยลูกปัด...แต่ทำไมหอมหวนยวนใจ ได้ขนาดนี้.....
"....น้ำอบไทยคะอาจารย์...อาจารย์ก้องเขาพรมไว้...."
ครูอ้อกระซิบบอกครูพรเพ็ญ....

.............................................................................
....ผมรับแหวนนะโมมา..ใส่ถุงพลาสติกแบบซองใส่ยาเล็กๆ แล้วพับเก็บไว้ในกระเป๋าเงินที่พกไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา......
คิดในใจว่านี่คือของขลังหรือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจในการตามหาครั้งนี้....

............................................................................
...สู้เต็มที่เพื่อคุณยายบัวคลี่...
....เราเก็บกล่องไม้ใบนี้ไว้ที่โรงเรียนก่อน เมื่อไหร่ที่ได้ข่าวดีว่าได้พบคุณยายแล้ว ครูจารุนันท์จะนำกล่องลูกปัดลงไปพร้อมอรวรรณทันที.....
บ่ายวันนั้น พี่น้องในหมวดศิลปะที่มีความรักใคร่กลมเกลียวกันที่สุด มายืนรอส่งผมขึ้นรถไฟที่สถานีบางซื่อราวกับจะไปต่างประเทศ ยืนกันเต็มชานชาลา....นี่ขาดเพียงพวงมาลัยกับป้ายไฟที่ให้กำลังใจเท่านั้นเอง....
....ครูจารุนันท์ขับรถไปรับอรวรรณมาสมทบด้วยอีกคน....อรวรรณได้แต่บอกผมว่า...

" อาจารย์คะ ขอให้เดินทางปลอดภัยและได้พบกับคุณยายบัวคลี่ด้วยนะคะ แล้วอรจะรีบตามลงไปนะคะ "
....ก่อนรถไฟเทียบชานชาลาครูอ๊าฟเดินมาใกล้ๆผม...ร้องเพลงให้ผมและทุกๆคนฟัง....
" เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วคุณยายที่งดงามจะคืนกลับมา "......
" อย่าลืมร้องเพลงนี้ให้คุณยายบัวคลี่ด้วยนะครับอาจารย์ก้อง "
ดูมัน....ไอ้ครูจอมทะเล้นประจำหมวดศิลปะ....ทุกคนหัวเราะกันเสียงดังจนคนข้างๆหันมามอง..
....ผมหยิบกระเป๋าที่มีแหวนคุณยายอมรศรีขึ้นมา เคาะเบาๆแล้วบอกว่า
" คุณยายครับ ออกเดินทางไปพร้อมผมได้แล้วนะครับ...คุ้มครองผมด้วยนะครับ "

.........................................................................


 ทุกสิ่งที่ตามหาเริ่มใกล้ความจริง..“ข้ามภพ ข้ามชาติ” ตอนที่ 12


เกือบ 14 ชั่วโมง ข้ามคืนกับครึ่งวันที่ผมใช้เวลาอยู่บนรถไฟ....ตัวอยู่บนรถไฟ แต่ใจไปอยู่พัทลุงแล้ว...เกือบ 6 โมงเช้า เมื่อรถไฟใกล้ถึงสถานีพัทลุงเต็มทีแล้ว....ผมยื่นหน้าออกนอกหน้าต่าง มองท้องฟ้าด้านทิศตะวันออก...แสงอ่อนๆของพระอาทิตย์ยามเช้าเริ่มจับขอบฟ้า ลมเย็นข้างนอกพัดมาปะทะหน้าทำให้สดชื่นเหมือนได้สัมผัสกับน้ำแร่ธรรมชาติ....มองเห็นภูเขาอกทะลุอันเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดพัทลุงตั้งตระหง่านเป็นแนวขนานกับทางรถไฟยาวเหยียด....ภูเขาลูกใหญ่ที่มีรูปทรงเหมือนกรวยสามเหลี่ยมใบใหญ่ๆวางชิดกับแท่งหินยักษ์รูปทรงหลอดแก้วใบอ้วนๆวางคว่ำอยู่ชิดกัน.....ภูเขาลูกที่เหมือนหลอดแก้วใบอ้วนวางคว่ำ มีรอยทะลุตรงกลางเกือบใกล้ยอดเขาเป็นช่องใหญ่ๆ

เป็นช่องลมพัดผ่านทะลุได้.....ช่างเป็นภูเขาที่แปลกและน่าค้นหาประวัติความเป็นมายิ่งนัก.....

 ทุกสิ่งที่ตามหาเริ่มใกล้ความจริง..“ข้ามภพ ข้ามชาติ” ตอนที่ 12


ต้นข้าวในนาด้านหน้าภูเขาเรียงเป็นทิวแถวสีเขียวอ่อนๆยาวไปสุดลูกหูลูกตากำลังล้อลมพลิ้วไปมา....ด้านซ้ายปลายสุดของเขาอกทะลุ มองเห็นยอดเขาเล็กๆอีกลูก เป็นถ้ำสวยงามที่มีเจดีย์และสำนักสงฆ์อยู่บนยอด นั่นคือถ้ำมาลัย....

...................................................................
....ผมชอบสถานที่นี้ที่สุด...มันเป็นภาพที่สวยงามเมื่อเรามองผ่านรถไฟลงไปยังประตูแรกของพัทลุง.....และเป็นสถานที่ที่ผมคุ้นเคยมาตั้งแต่เล็กๆ.....
....ด้วยความสวยงามของสถานที่นี้ จึงเป็นที่มาของการยุให้พ่อผมซื้อที่ดินแปลงเล็กๆ บริเวณริมทางรถไฟที่อยู่ใกล้ถ้ำมาลัยข้างภูเขาอกทะลุแห่งนี้เพื่อทำเป็นสวน ปลูกผักและผลไม้ในยามว่าง....
พ่อผมได้ซื้อที่ดินไว้ไม่กี่ไร่ตามที่ลูกๆและเมียต้องการเมื่อนานมาแล้ว....และใช้เป็นที่ออกกำลังกายไว้ทำสวนหลังจากที่เกษียณราชการไปแล้ว....ผมมาวิ่งเล่นที่นี่เป็นประจำตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ....สวนของครอบครัวเรามีป้ายเล็กๆที่ช่วยกันทำขึ้นมาเอง แล้วปักไว้ที่หน้าสวนว่า...สวนเวชรังษี...แต่ผมไม่เคยแวะมาที่สวนนี้อีก นับจากที่พ่อเสียชีวิต....เพราะทำใจไม่เคยได้....
คงปล่อยสวนในฝันของพ่อให้เป็นที่ขึ้นของผักและผลไม้ตามอัธยาศัย....
ใครใคร่เก็บผักหรือผลไม้ ก็ไม่หวงครับ
..............................................................

....รถไฟกำลังวิ่งผ่านสวนเวชรังษีของพ่อ....คิดถึงพ่อแล้วน้ำตาคลอ....แต่น้ำตายังไม่ทันไหล....ผมเหลือบไปเห็นชาวบ้านผู้ชายสูงวัยกับเด็กสาวแต่งตัวมโนราห์เต็มยศสวยงามสองถึงสามคน กำลังเดินอยู่ตรงถนนที่หน้าสวนของเรา....เหมือนกำลังจะเดินไปที่ไหนสักแห่ง...
ผมได้แต่คิดในใจว่าสงสัยจะมีงานแสดงแต่เช้า แต่คงเดินทางสักหน่อย เพราะแถวนี้เป็นชานเมืองต้องเดินไปอีกพอสมควร....


พอรถไฟกำลังจะวิ่งผ่าน เขาหยุดเดิน หันมามองขบวนรถไฟ แล้วโบกมือมาที่ผม...ส่งยิ้มซื่อๆแบบชาวบ้านมาให้คนบนรถไฟ....ผมยื่นมือออกไป ยิ้มและโบกกลับไปอย่างมีความสุขคนที่นั่งใกล้ๆบนรถไฟมองว่าผมกำลังทำอะไร....ผมจึงได้ลดมือลง.....รู้สึกเหมือนถึงบ้านแล้วจริงๆ
.................................................................


 ทุกสิ่งที่ตามหาเริ่มใกล้ความจริง..“ข้ามภพ ข้ามชาติ” ตอนที่ 12


เพื่อนนุชมารับผมที่สถานีรถไฟแต่เช้า...เอารถกระบะ 2 ประตู 4 ที่นั่งประจำกายมารอรับถึงสถานี.....

....เรากอดคอกันพอเป็นพิธี แล้วนุชก็พาผมเดินฝ่าผู้คนกับญาติๆคนอื่นที่มารอรับ พร้อมกับแม่ค้าที่เดินร้องขายกล้วยฉาบแม่แดง กับกะละแมแม่ประคอง อันเป็นขนมรสชาติเยี่ยมยอดของพัทลุงดังไปทั่วสถานี....

....รถของนุชค่อยๆ เลาะเลี้ยว เซาะซอกซอยน้อยใหญ่ไปจนถึงบ้านผมที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟนัก....ผมเข้าไปกอดแม่ กราบตัก และหอมเสียฟอดใหญ่ๆ....แล้วเดินไปที่หน้ารูปพ่อ....กราบพ่อ แล้วบอกพ่อว่าผมกลับบ้านครั้งนี้มิได้เพียงมาหาแม่และพ่อ หากมีภาระสำคัญต้องมาตามหาคนสำคัญของลูกศิษย์ที่จากกันมานาน....ภาวนาให้พ่อที่รักของลูกช่วยนำทางและดลให้ลูกประสบความสำเร็จในการค้นหาครั้งนี้ด้วย
......................................................

....ผมเล่าให้แม่ฟังแต่เพียงคร่าวๆว่าจะตามหาคนที่ชื่อบัวคลี่ อายุเกือบร้อยปีแล้ว แม่เคยได้ยินชื่อนี้บ้างหรือไม่? ....แม่ยังนึกไม่ออก....ได้แต่พูดเล่นติดตลกว่าถ้าชื่อคลี่ แม่พอรู้จัก... คือยายคลี่ เคยขายครองแครงในตลาด กับ ยายคลี่ขายตือฮวนที่วัดสูง แต่ทั้ง 2 ก็เลิกขายไปแล้ว...แล้วแม่ก็หัวเราะตามนิสัยอารมณ์ดีของแม่...ผมยิ้ม หัวเราะในความขี้เล่นของแม่...หอมแม่อีกครั้งแล้วขอตัวไปอาบน้ำอาบท่า.....
นัดกับเพื่อนนุชว่า เย็นๆ นุชจะมารับไปพบเพื่อนๆที่ร้านกาแฟของนุช เพื่อนๆเตรียมตัวพบผมอยู่แล้วเพื่อการนี้....
.........................................................

....ผมหลับไปเพราะความอ่อนเพลียจากการเดินทาง มาตื่นอีกครั้งก็ราว 3โมงเย็น ลุกขึ้นกินข้าวกับแม่ แล้วรีบขับรถมอเตอร์ไซค์ไปเยี่ยม ลุง ป้า น้า อา และญาติผู้ใหญ่ รวมทั้งเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่มีรายชื่ออยู่เป็นหางว่าว...


.คนต่างจังหวัดรู้จักกันคุ้นหน้าค่าตากันดี แม้จากมานานหลายปี กลับไปก็ยังจำกันได้...ยิ่งพัทลุงเป็นเมืองเล็กๆ เรายิ่งมีความสนิทสนมกลมเกลียวกันมากขึ้นเป็นธรรมดา....
.....................................

เพื่อนนุชขับรถคันเดิมมารับผมแล้วขับตรงไปที่ร้านกาแฟของตัวเองราว 5 โมงเย็น...รถวิ่งออกนอกตัวเมืองมาทางทิศตะวันตก ขับผ่านโรงเรียนที่ผมเคยเรียนอยู่เมื่อชั้นมัธยม ทั้งโรงเรียนพัทลุงและโรงเรียนสตรีพัทลุง


ทำให้คิดถึงเพื่อนๆและครูบาอาจารย์ที่เคารพรักขึ้นมาทันที.....
รถผ่านตัวเมืองถึงหมู่บ้านหัวยาง ตำบลนาท่อม ซึ่งออกจากตัวเมืองราว 5 กิโล.....อืม ทำไมชื่อช่างคล้ายกับตำบลบ่อยางในจังหวัดสงขลาที่คุณยายบัวคลี่เคยอยู่เมื่อตอนเด็กๆเสียเหลือเกิน.....
................................................


 ทุกสิ่งที่ตามหาเริ่มใกล้ความจริง..“ข้ามภพ ข้ามชาติ” ตอนที่ 12


ร้านนุชชื่อร้าน ตาสว่าง....ตั้งอยู่ริมถนนซึ่งอยู่ในบริเวณบ้านของนุชนั่นเอง.....เปิดขายกาแฟกับขนมเค้กและเครื่องดื่มต่างๆ ดูบรรยากาศภายนอกแล้วเป็นร้านที่น่านั่งจิบกาแฟร้านหนึ่ง....ผมชอบชื่อนี้ตั้งแต่ลงจากรถ....ตาสว่าง....มีนัยที่หมายถึงดื่มกาแฟแล้วทำให้ตาสว่าง....พ่อนุชรับราชการครูชื่อ สว่าง....ใครๆจึงเรียกท่านว่าครูหว่าง...หรือตาหว่างร้านตาสว่างจึงมีความหมายใน 2 ทาง...ช่างตั้งชื่อได้เยียมมากเพื่อนผม....
........................................................

....ผมก็อยากให้การตามหาคุณยายบัวคลี่ในครั้งนี้ได้ตาสว่างเสีย...เพื่อเพื่อนที่รอมานานกว่า 80 ปีจะได้พบทางสว่างในหัวใจ....ไม่ต้องรออีกต่อไปแล้ว....ได้แต่ขอพรให้พ่อสว่างของนุชที่เสียชีวิตไปแล้วมาช่วยผมในการตามคุณยายอีกแรงหนึ่งด้วย...นึกในใจแล้วก็ยกมือไหว้ร้านตาสว่างก่อนเข้าไปนั่งในร้าน....ในร้านเพื่อนนุชถูกตกแต่งและทาสีภายในไว้อย่างสวยงาม โทนสีร้านเป็นสีส้ม..ของประดับตกแต่งน่ารัก รูปแบบสมัยใหม่ เหมาะที่จะเป็นที่สำหรับพบปะเพื่อนๆเพื่อสังสรรค์กันเป็นหมู่เล็กๆ....สมแล้วกับที่เพื่อนนุชผมจบสถาปัตยกรรมมา จึงออกแบบร้านตัวเองได้สวยและน่านั่งพักผ่อนหย่อนใจยิ่งนัก....
...............................................................

....ข้างในร้านมีเพื่อนผู้หญิงรออยู่อีก 3 คน คนหนึ่ง คือทิพย์ หรือสุธาทิพย์ เธอเป็นพยาบาลด้านจิตเวช.....อีกคนหนึ่งคือนิตยา หรือป้ายาของเพื่อนๆ เธอประกอบธุรกิจส่วนตัว...และสุดท้าย สุภาพร หรือเอียดที่ทำธุรกิจรับซื้อยางพารา....เธอทั้ง 3 คน เป็นคนที่รู้จักของเพื่อนพ้องและผู้คนมากมายรองไปจากนุช พวกเธอมีอัธยาศัยดี รู้จักและสามารถลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านได้อย่างเป็นกันเอง...ทำให้การตามหาคุณยายจะง่ายมากขึ้น และพวกเธอรับอาสาคอยนำพาผมไปค้นหาคุณยายในครั้งนี้.....โดยแต่ละคนจะแบ่งโซนกันพาผมไปในแต่ละพื้นที่ที่ตัวเองคุ้นเคยในแต่ละวัน.....

....ผมอึ้งในการวางแผนตามหาคนของเพื่อนๆอย่างมาก...นี่คือการวางหมากวางเกมและทำการบ้านไว้ให้ผมชนิดมืออาชีพเลยทีเดียว
............................................................

....ผมไม่เคยได้พบเพื่อน 3 คนนี้เลยตั้งแต่จากบ้านเกิดไป....แต่ก็ซึ้งใจที่เพื่อนมาช่วยกันอย่างเต็มใจ .....นี้คือสายใยของความเป็นเพื่อนและคือน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของเพื่อนที่มีต่อผม.....พวกเธอบอกว่า ยังขาดเพื่อนพยาบาลอีก 3 คนที่ไม่ได้มาในวันนี้ คือกุลธิดา ปรีดา และดาราทิพย์ เพราะทั้ง 3 คนกำลังลงพื้นที่ไปดูแลเยี่ยมเยียนผู้ป่วยในชนบท

....โอ้โห!!...นี่นุชเพื่อนผมที่มีอาชีพเป็นสถาปนิก แต่ได้เกณฑ์เพื่อนพยาบาลมาเกือบทั้งจังหวัดเลยหรือนี่ ? ....ที่สำคัญ พวกเธอไม่เคยรู้รายละเอียดเรื่องจริงๆว่าผมมาตามหาคุณยายบัวคลี่ให้ใคร รู้แต่ว่าคือคนที่ผมต้องการตามหาให้ลูกศิษย์ที่พลัดพรากกันมานาน....สุธาทิพย์ที่เป็นพยาบาลอธิบายเรื่องการตรวจหารายชื่อและจากคำบอกเล่าของจากทางอาสาสมัครผู้ช่วยพยาบาลตามตำบลต่างๆเท่าที่ขอความร่วมมือได้....ได้ชื่อบัวคลี่มาทั้งหมด 3 ราย...
...........................................................

....ผมฟังถึงตอนนี้รู้สึกหายใจแรง...ใจเต้นตุ๊บๆจนแทบออกมาจากอก....แต่บัวคลี่ที่ได้รายชื่อมาอยู่กันคนละตำบลหนแห่งกัน...อายุไม่แน่ชัดในบางราย และได้ตรวจสอบถามจากอาสาสมัครแล้วว่าบ้านเรือนอยู่ละแวกใดเพื่อเตรียมไว้สำหรับการตามหา....
............................................................

....บัวคลี่คนแรกอาศัยอยู่ตำบลลำปำ ห่างจากตัวเมืองพัทลุงไปทางทิศตะวันออก เลยภูเขาอกทะลุไปเพียง 10 กิโลเมตร....ที่สำคัญ ลำปำคือบ้านเกิดของแม่ผมด้วย....ผมดีใจที่สุดที่คนที่ผมอยากพบไม่ได้อยู่ไกลจากบ้านเกิดแม่ผมเลย....อะไรโลกมันช่างกลมขนาดนี้.....
..........................................................

....บัวคลี่คนที่ 2 มีอาสาสมัครบอกว่าเป็นคุณยายที่เคยขายขนมอยู่แถวตลาดใต้โหนด ซึ่งเป็นตลาดขายของพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงในอำเภอควนขนุน ของจังหวัดพัทลุงในขณะนี้....แต่ไม่ทราบอายุแน่นอน รู้เพียงอายุมากแล้ว ไม่ได้เห็นคุณยายมาขายของนานแล้ว...ต้องลองไปตามหาดู..
..............................................................

....คนที่ 3 อยู่ตำบลทะเลน้อย แหล่งนกน้ำที่สวยงามแหล่งหนึ่งของพัทลุง ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือราว 32 กิโลเมตร....แต่คุณยายบัวคลี่ท่านนี้ตามตัวยาก เพราะบ้านอยู่ลึกเข้าไปในป่าริมน้ำ...ต้องลุยน้ำข้ามทะเลน้อยกันไปทีเดียว....

....เอาล่ะ...เป็นโชคดีที่เรามีบัวคลี่ให้ตามถึง 3 ท่าน.....นี่ถ้ามีบัวคลี่สักราวๆ 130 ชื่อทั่วทั้งพัทลุง ผมคงลาออกจากการเป็นครูมาเป็นนักสืบเสียเลย....
....เราวางแผนการเดินทางตามหาในวันพรุ่งนี้ทันที.....สุธาทิพย์จะเป็นจุดกลางคอยรับข่าวสารข้อมูลจากเพื่อนๆแล้วส่งถึงผม....สุภาพร กับนุชเป็นตัวหลัก จะพาผมไปลำปำ และทะเลน้อย ส่วนนิตยาจะพาผมกับนุชไปตลาดใต้โหนด

....คนที่ผมและเพื่อนๆสนใจมากที่สุดในเบื้องต้น คือคุณยายบัวคลี่ที่อยู่ตำบลลำปำ เพราะเป็นคนบ้านเดียวกับแม่ผม...เราต้องไปหาคนๆนี้ก่อน ถ้าโชคดีเป็นคุณยายบัวคลี่ที่เราตามหา จะได้จบตั้งแต่รายแรก....
....ผมตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก....มีความสุขคนเดียวไม่ได้ ต้องรีบยกหูโทรศัพท์โทรบอกครูจารุนันท์ที่กรุงเทพฯให้รู้ทันที....ครูจารุนันท์ก็ตื่นเต้นแทนผมจนอยากชวนอรวรรณเดินทางมาในวันรุ่งเช้าเสียให้ได้
....ผมฝากครูจารุนันท์ให้บอกครูน้องๆในหมวดทุกๆคนด้วยว่าพี่ใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว....

วางหูโทรศัพท์ได้ก็คุยกับเพื่อนๆอย่างเบิกบานสำราญใจยิ่ง....กินข้าวได้มากกว่าทุกวัน เพราะวันนี้นอกจากมีความสุขกับเพื่อนเก่าแล้ว ความหวังของเราก็เริ่มแจ่มชัดขึ้นทุกที..............................................................

....ผม นุช สุธาทิพย์ สุภาพร และนิตยา....นั่งหัวเราะกันจนตะวันพลบท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม.....ทุกบ้านเริ่มเปิดไฟ....เสาไฟฟ้าหน้าถนนบ้านหัวยางเริ่มสว่าง...บรรยากาศเริ่มเงียบ....เสียงโทรศัพท์นุชดังขึ้น เมื่อนุชรับโทรศัพท์ก็มีเสียงคุยหัวเราะถูกใจกับเสียงปลายสาย....ผมมารู้เมื่อตอนนุชวางหูโทรศัพท์ว่า เพื่อนผมอีก 2 คนจะตามมาที่ร้าน คราวนี้เพื่อนผู้ชายบ้างแล้ว เพื่อนสนิทที่รักกันมากๆ จะมาร่วมอำนวยการตามหาในครั้งนี้ด้วย....
คนแรก วิลาศ อนุจันทร์
คนที่สอง ธัชชัย ธนาวิชนัน
ทั้ง 2 คนทำงานดี ตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โตในวงการราชการและบริษัท....วิลาศและธัชชัย รับอาสาจะมาเป็นคนคอยสำรองการเดินทางในแต่ละวันยามที่ผมต้องการ....วันไหนที่เข้าไปในถิ่นลำบากหรือห่างไกล เพื่อน 2 คนนี้จะรับเป็นคนขับรถแทนนุช
ผมซึ้งใจเพื่อนจนพูดไม่ออก.....
ใส่รูป
................................................................

.....ขณะที่เรากำลังคุยกันเพลินๆ จนราว 2 ทุ่มกว่าๆ นุชมองข้ามผมไปที่หน้าต่างของร้าน....แล้วลุกขึ้นออกไปเปิดประตูหน้าร้าน มองซ้าย ขวา แล้วเดินกลับเข้ามา....บ่นเสียงอู้อี้

" เด็กผู้หญิงที่ไหนมายืนมองอยู่ที่หน้าต่างก็ไม่รู้.....เห็น 2 ครั้งแล้ว....นึกว่าจะมาซื้ออะไร พอออกไป เห็นแต่ชายผ้าถุงเดินหายวับไปทางด้านหลังรถที่เราจอดกันอยู่ที่หน้าร้าน แล้วคงข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งเสีย สงสัยจะกลับไปแล้ว...แต่ไม่คุ้นหน้าว่าเป็นเด็กแถวนี้เลย..."
.... เอาล่ะสิ ผมเริ่มรู้สึกตงิดๆในใจ.....
" เด็กแถวนี้เค้ายังใส่ผ้าถุงกันในชีวิตประจำวันอยู่รึเปล่าล่ะนุช ? " ผมถาม...
" ไม่ค่อยเห็นแล้วนะ ใส่เป็นกระโปรงหรือกางเกงกันเกือบหมดแล้ว " นุชขมวดคิ้ว...
ผมนั่งยิ้มปนหัวเราะหึๆอยู่คนเดียว...ปล่อยให้เพื่อนๆงงไปพร้อมกัน...
คุณยายอมรศรีมาด้วยแล้วสิท่า....ผมนี่บอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจกันแน่....แต่เอาล่ะ ลองถามอีกสักคำถามเพื่อยืนยันความมั่นใจดูสักอีกคำถามหนึ่ง....
" นุช...เด็กหน้าตายังไง? จำได้มั้ย? " ผมซัก...
" หน้าเข้มๆนะก้อง ตาคมกริบ...เออ ถามทำไมเหรอ ? " นุชอยากรู้ว่าผมถามไปทำไม....
" อ้อ...เปล่า... ถามดูว่าใช่คุณยายอมรศรีของเรารึเปล่าเท่านั้นเอง "
แล้วผมก็หัวเราะ.....สุธาทิพย์ นิตยา และสุภาพก็หัวเราะงอหงาย...นุชก็ขำกลิ้ง
" บ้า เล่นมุกตั้งแต่วันแรกเลยนะก้อง ยายก้องอายุเท่านี้ก็บ้าไปสิ ช่างตบมุกหนักจริง " สุธาทิพย์พูดไป หัวเราะไป....
" ก้องยังฮาเหมือนตอนเป็นนักเรียนเลยนะ " สุภาพรเสริม ส่วนนุช หัวเราะคิกคัก.......

....เพื่อนๆ หยุดหัวเราะกันแล้ว ผมยังหัวเราะไม่หยุด แต่ในน้ำเสียงหัวเราะก็มีเสียงสั่นเครือและมีน้ำตาออกมาด้วย....เพื่อนๆขำต่อว่าผมหัวเราะจนร้องไห้.....ใช่สิ...จะไม่ให้ร้องไห้ได้อย่างไรล่ะ....ถ้าผมบอกพวกคุณ คุณจะยังขำกลิ้งแล้วนั่งอยู่ที่นี่อีกมั้ย?...คงวิ่งกลับบ้านกันเป็นแถวๆเชียวครับ......
....................................................

....เมื่อใกล้ 3 ทุ่ม วิลาศกับธัชชัยก็มาถึงร้าน...เสียงรถจอดที่ด้านหน้า แสงไฟจากหน้ารถส่องลอดเข้ามาในร้าน พอจอดรถ ดับไฟได้ก็เดินเข้ามาในร้าน ผมกับเพื่อนทั้ง 2 คนโอบกอดกันตามประสาความคิดถึงที่ห่างหายกันไปนาน.... เมื่อนั่งที่โต๊ะยังไม่ทันได้สั่งอาหาร...วิลาศเอ่ยทักนุชทันที
" นุช รถนุชที่จอดอยู่หน้าร้านใช่มั้ย? " วิลาศถามนุช
" ใช่ครับ รถผมเอง " นุชตอบยิ้มๆ
" ทำไมไม่ให้เด็กเข้ามาในร้าน ปล่อยให้คอยอยู่ในรถได้ยังไง? ดึกดื่นป่านนี้แล้ว "

.............................................................

วิลาศพูดเรียบๆ สีหน้าสงสัยว่าทำไมนุชถึงทำเช่นนั้น...
นุชมีสีหน้างุนงงอย่างมาก บอกว่าไม่มีใคร นุชไม่ได้ให้เด็กคนไหนไปนั่งอยู่ในรถ...หลานก็ไม่มี ทุกคนไปเรียนที่กรุงเทพฯหมด.....
ธัชชัยเลยถามต่อว่าแล้วเด็กผู้หญิงที่นั่งเงียบๆอยู่ที่เบาะหลังรถคือใคร? ตอนจะจอดรถก่อนดับไฟ แสงไฟส่องไปที่หน้ารถนุช เขาทั้ง 2 คนเห็นเด็กอยู่ในรถด้วยกัน......เท่านั้นล่ะ นุชมันหูตาเหลือกและกลัวจนขนลุก....ส่วนสาวๆอีก2คนก็ตื่นกลัวตามนุชไปด้วย....วิลาศกับธัชชัยทำหน้างงๆ... ว่าเกิดอะไรขึ้น?...แต่ผมสิ นั่งขำอีกครั้ง....ขำทั้งๆขนที่คอและแขนลุกชันอีกวาระหนึ่ง....คราวนี้ชัดเจนเสียยิ่งกว่าแช่แป้ง...คุณยายที่เคารพมากับผมด้วยจริงๆ...แล้วนี่ผมจะนั่งรถนุชกลับบ้าน ได้มั้ยหนอ?...นึกไปน้ำตาแทบจะไหลออกมาอีกรอบหนึ่ง.....
..........................................................

ธัชชัยต้องเดินออกไปดูรถที่จอดอีกรอบหนึ่ง แล้วกลับมาบอกว่าไม่เห็นใครนั่งอยู่บนรถแล้ว....ทุกคนจึงได้ผ่อนคลาย....นิตยาถามนุชว่าไปเอาของดีหรือของขลังที่ไหนมาไว้ในรถหรือเปล่า?
นุชปฏิเสธ ว่าไม่มีสิ่งใด ไม่เคยเอาของวิเศษอันใดไปใส่ไว้ในรถทั้งสิ้น เพราะนุชกลัวสิ่งที่มองไม่เห็นทุกอย่าง...แถมกลัวผีที่สุดในชีวิต......
นี่ผมมาเจอคู่แฝดต่างภพของครูพรเพ็ญเสียด้วยอีกคู่หนึ่งแล้วสิครับ....

...............................................................

....ผมได้แต่ยกมือไหว้ อธิษฐานในใจถึงคุณยายอมรศรีว่าผมทราบแล้วว่าท่านมาคอยดูแลผมและเพื่อนๆ...ขอให้ท่านทราบ และไม่ต้องปรากฏให้พวกเราเห็นด้วยเถิด....เพราะเพื่อนๆจะกลัว.....
นุชและเพื่อนๆหันมามองผมขณะยกมือไหว้ แต่ผมบอกเพียงว่า เวลาเกิดเรื่องราวที่เราหาคำตอบแบบนี้ไม่ได้ เราก็ยกมือขึ้นไหว้ แล้วสวดบทกรวดน้ำให้เขาไป เขาจะได้รับกุศลที่เราส่งไปให้.....
....แหม สาวๆพากันยกมืออธิษฐานตามผมกันพร้อมเพรียง เหลือแต่ชายหนุ่ม 2 คนเท่านั้นที่ไม่พูดอะไร ได้แต่นั่งยิ้มอยู่กับโต๊ะ.....
.....................................................


 ทุกสิ่งที่ตามหาเริ่มใกล้ความจริง..“ข้ามภพ ข้ามชาติ” ตอนที่ 12


เราร่ำลากันราว 4 ทุ่ม ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ก็ย้ำกันว่าพรุ่งนี้เราจะออกเดินทางมุ่งสู่ตำบล ลำปำ อันเป็นถิ่นของคุณยายบัวคลี่ ที่มีความน่าสนใจที่สุด และเป็นบ้านเกิดของแม่ผมอีกด้วย......
....ก่อนขึ้นรถ ผมก็ชวนนุชคุยไปเรื่อยเพื่อแก้ความหวาดกลัว....เมื่อถึงบ้าน ลงจากรถ ก็ได้แต่เอามือตบกระเป๋าที่มีแหวนนะโมเบาๆแล้วบอกว่า ถึงบ้านแล้วนะครับคุณยาย....แล้วผมก็รีบสาวเท้าเข้าบ้านแบบไม่เหลียวหลังอีกเลย........

....คุณยายบัวคลี่ครับ ขอให้เป็นคุณยายสักทีเถอะครับ เรื่องราวที่ลุ้นระทึกจะได้จบลงด้วยความสุขเสียที....

( จบตอน 12 )



ขอบคุณที่มา :::: facebook ::  ข้ามภพ ข้ามชาติ


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์